รายงานขั้นต้นของกระทรวงการคลังระบุว่า มูลค่าการส่งออกปรับตัวสูงขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนมูลค่าการนำเข้าขยายตัว 9.4%
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวเป็นการคำนวณจากข้อมูลที่ผ่านทางศุลกากร
เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นขาดดุลเป็นเวลา 10 เดือนนับตั้งแต่ปี 2522 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำมันขาดแคลนครั้งที่ 2
มูลค่าการนำเข้าขยายตัว 9.4% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 6.6573 ล้านล้านเยนในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าของก๊าซธรรมชาติเหลวพุ่งขึ้น 17.9%
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า จากการอ่อนค่าของเงินเยนและกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจโลกจะกระเตื้องขึ้น ทำให้มูลค่าการส่งออกซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยเพิ่มขึ้น 3.8% สู่ระดับ 5.7774 ล้านล้านเยน แต่ยังไม่สามารถชดเชยมูลค่าการนำเข้า
ขณะที่มูลค่าการส่งออกไปยังจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยขยับขึ้น 0.3% สู่ระดับ 9.984 แสนล้านเยน เนื่องจากข้อพิพาทดินแดนระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับหมู่เกาะร่างในทะเลจีนตะวันออกค่อยๆแผ่วลง ขณะที่มูลค่าการนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น 13.3% สู่ระดับ 14409 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดเท่าที่เคยมีมา
ส่วนมูลค่าการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งประกอบด้วย 27 ประเทศสมาชิกนั้น ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 19 โดยลดลง 3.5% สู่ระดับ 5.624 แสนล้านเยนในเดือนเม.ย.จากสภาวะทางเศรษฐกิจของอียูที่ซบเซา แต่มูลค่าการนำเข้าจากอียูพุ่งขึ้น 15.2% สู่ระดับ 6.009 แสนล้านเยน
สำหรับมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐ ซึ่งเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอยู่นั้น ทะยานขึ้น 14.8% สู่ระดับ 1.1013 ล้านล้านเยน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าพลิกเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับ 5.383 แสนล้านเยน