บรรดาผู้ประท้วงมารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณหน้า Jeronimos Monastery ซึ่งอยู่ใกล้ทำเนียบประธานาธิบดี พร้อมกับชูป้ายและกล่าวคำขวัญต่อต้านรัฐบาล เพื่อแสดงการประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลซึ่งรวมถึงการลดบำนาญ ลดสวัสดิการว่างงาน และการขึ้นภาษี
การชุมนุมประท้วงดังกล่าวจัดขึ้นโดย CGTP ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานหลักของโปรตุเกส โดยผู้ประท้วงเดินทางมาจากหลายเมือง เช่น ลิสบอน ปอร์โต วีลารีอาล เซตูบัล และซินตรา และนอกจากในเมืองหลวงแล้ว ยังมีการจัดการประท้วงในอีก 50 เมืองทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงเมืองใหญ่อย่าง ปอร์โต โคอิมบรา และบรากาในภาคเหนือ
เปาโล อันเดร ข้าราชการวัย 50 ปีจากวีลารีอาล กล่าวว่า การใช้นโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลจะทำลายความหวังของประเทศและประชาชน รัฐบาลไม่ทำอะไรนอกจากทำลายผลประโยชน์ของแรงงานธรรมดาๆ แทนที่จะไปผลักดันให้คนร่ำคนรวยเสียสละให้ประเทศชาติ
อาร์มีนีโอ คาร์ลอส เลขาธิการทั่วไปของ CGTP กล่าวปราศรัยว่า ชาวโปรตุเกสไม่ควรทนนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลอีกต่อไป เนื่องจากรัฐบาลยังคงลดรายจ่ายและขึ้นภาษีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ประชาชนตกงานมากขึ้นและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากขึ้นเรื่อยๆ
เขายังได้เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมกันตามท้องถนนกันมากขึ้น และต่อสู้เพื่อสิทธิและประโยชน์ของตนเอง
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงความช่วยเหลือวงเงิน 7.8 หมื่นล้านยูโร กับกลุ่มทรอยก้า ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารกลางยุโรป เมื่อเดือนพ.ค.2554 โปรตุเกสได้ดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดอย่างรุนแรง ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนและจัดการประท้วงทั่วประเทศในช่วงหลายเดือนมานี้
ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดเผยให้เห็นว่า ชาวโปรตุเกสกว่า 80% ไม่พอใจข้อตกลงล่าสุดของรัฐบาลกับทรอยก้า ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลโปรตุเกสเจรจาครั้งใหม่กับทางกลุ่มเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อกำหนดสำหรับการขอรับความช่วยเหลือ