เมื่อถามว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันถึงเวลาหรือยังที่ต้องใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะในประเด็นค่าเงินบาท พบว่านักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 46.2 เห็นว่ายังไม่ถึงเวลา โดยให้เหตุผลว่าอัตราดอกเบี้ยไม่ใช่ต้นตอของปัญหา อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยไม่ใช่เครื่องมือดูแลค่าเงินบาทที่มีประสิทธิภาพ หากแต่เป็นเครื่องมือที่ใช้ดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 29.2 เห็นว่าถึงเวลาแล้ว เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งเพราะดอกเบี้ยสูงกว่าประเทศอื่นๆ ทำให้เงินไหลเข้าประเทศทำให้ค่าเงินบาทแข็ง ประกอบกับเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มชะลอตัว นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 49.2 ยังเห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 1.0 เป็นการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าที่ไม่ถูกทาง ขณะที่ร้อยละ 18.5 เห็นว่าถูกทางแล้ว
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 55.4 เห็นว่า กนง.ควรปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยควรให้ความสำคัญกับภาวะเงินเฟ้อมากกว่าค่าเงินบาท ขณะที่ร้อยละ 18.5 เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับค่าเงินบาทมากกว่า
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์ถึงร้อยละ 73.8 เห็นว่าการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จำเป็นต้องสอดประสานกับนโยบายการคลังของกระทรวงการคลัง โดยมีเพียงร้อยละ 10.8 เท่านั้นที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องสอดประสานกัน
เมื่อถามว่ามีความเชื่อมั่นมากน้อยเพียงใดต่อการทำหน้าที่ ผู้ว่าฯ ธปท.ของนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล โดยเฉพาะการเตรียมมาตรการรองรับค่าเงินบาทแข็ง พบว่านักเศรษฐศาสตร์ถึงร้อยละ 80.0 เชื่อมั่นมากถึงมากที่สุด แต่มีเพียงร้อยละ 13.8 ที่เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลย
ส่วนสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ต้องการบอก ผู้ว่าฯ ธปท. และ รมว.คลัง เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้น มีดังนี้ 1.หันหน้าเข้าหากัน เปิดใจรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ให้เกียรติกัน โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง 2.เข้าใจอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายไม่ก้าวก่ายอำนาจกัน ไว้ใจและเชื่อมั่นกันแล้วแก้ไขปัญหาตามอำนาจที่มีโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ 3.อย่าใช้ทิฐิ ตัดสินใจอย่างชาญฉลาดภายใต้ข้อมูลและประสบการณ์ที่มี ใช้สื่อให้น้อยลงเพื่อไม่ให้มีข่าวหลุดออกไปเพราะจะดูไม่ดีในตลาด และประสิทธิภาพของเครื่องมือจะลดลง
อนึ่ง ผลการสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 35 แห่ง จำนวน 65 คน และดำเนินการรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลตั้งแต่ 16-22 พฤษภาคม 2556