ทั้งนี้ การเดินทางเยือนญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรีและคณะในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์ถึงทิศทางอนาคตของเอเชียซึ่งกำลังเป็นภูมิภาคที่เข้มแข็งและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และหยิบยกถึงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นและเป็นอุปสรรคที่สำคัญสำหรับการเติบโตของภูมิภาคเอเชีย รวมไปถึงแนวทางที่เอเชียจะร่วมกันแก้ปัญหาและรับมือกับสิ่งเหล่านี้เพื่อไม่ให้กระทบต่ออนาคตของเอเชีย
อีกทั้ง การเดินทางเยือนญี่ปุ่นตั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสเชิญชวนนักธุรกิจญี่ปุ่นในการร่วมลงทุนโครงการ 2 ล้านล้านบาท ในการพัฒนาการคมนาคมโครงสร้างพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นลงทุนสร้างความเชื่อมโยงภูมิภาคทั้งทางบกทางทะเล และทางรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงเอเซียและยุโรปเข้าด้วยกัน รวมทั้งการเชิญชวนให้นักลงทุนญี่ปุ่นเข้าร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ท่าเรือน้ำลึกทวาย ให้ทวายก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค ทั้งนี้เพื่อตอบสนองต่อการค้าที่เจริญก้าวหน้าและการเจริญ เติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งเรื่องการค้าการลงทุน รวมถึงการแลกเปลี่ยนเชิงวัฒนธรรมและเยาวชน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เสนอให้มีการส่งเสริมความร่วมมือในลักษณะที่มุ่งให้ทุกฝ่ายเป็นผู้ได้ประโยชน์เพื่อที่จะเติบโตไปพร้อมๆกันโดยการหารือร่วมกับ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และครั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้เดินทางพาภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และภาคธุรกิจวิสาหกิจชุมชน (โอทอป) กว่า 50 บริษัท ที่ร่วมเดินทางมาด้วย เข้ารับฟังการบรรยายเกี่ยวกับโครงการจัดแสดงสินค้าท้องถิ่นของญี่ปุ่นและชมสินค้าจากหมู่บ้านในหมู่บ้านใน 47 จังหวัดของญี่ปุ่น เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจำหน่ายไปปรับใช้ในการพัฒนาสินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยเราให้กลายเป็นสินค้าที่น่าสนใจ และมีตลาดในการรองรับสินค้าเพิ่มมากขึ้น ภายในงานยังมีสินค้าโอทอปของไทยได้จัดแสดงอยู่ด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับกลุ่ม SMes และ OTOP ในดูงานถึงแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาสินค้า OTOP ด้วย