ทั้งนี้ ราคาเหล็กกล้าได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในเดือนพ.ค. ในขณะที่เหล็กม้วนและเหล็กแผ่นปรับตัวลงสูงที่สุด
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีอิทธิพลต่อราคาเหล็กในตลาดจีนในอนาคตนั้น ปัจจัยแรกคือ ภาวะเศรษฐกิจจีนยังคงไม่สดใส ในขณะที่รัฐบาลยังไม่มีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายกระตุ้นเพิ่ม
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติบ่งชี้ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงสู่ 7.7% ในไตรมาสแรกของปี ลดลงจากระดับ 7.9% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2555
การใช้ไฟฟ้าในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 6.8% ในขณะที่ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 2.4% ในระหว่างเดือนม.ค.-เม.ย. ปริมาณการขนส่งทางรถไฟลดลง 2.3% จากปีก่อน
ปัจจัยที่สอง อุปสงค์ในผลิตภัณฑ์เหล็กกล้ายังคงอ่อนแอ และยังไม่มีความแน่นอนในอนาคต ข้อมูลอย่างเป็นทางการบ่งชี้ว่า ดัชนี PMI ของจีนอยู่ที่ 50.5 ในเดือนเม.ย. ในขณะที่ตัวเลขการประเมินโดยธนาคารเอชเอสบีซีอยู่ที่ 50.4 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าค่าดัชนีในเดือนมี.ค.ทั้ง 2 รายการ
ยอดคำสั่งส่งออกใหม่ลดลงเป็นครั้งแรกในเดือนเม.ย. สะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวลงของภาคการผลิต
ในระดับประเทศ การลงทุนในทรัพย์สินถาวรเพิ่มขึ้น 20.6% จากปีก่อนในระหว่างเดือนม.ค.-เม.ย. แต่ต่ำกว่าในระหว่างเดือนม.ค.-มี.ค.อยู่ 0.3% สำนักข่าวซินหัวรายงาน