นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากเรื่องของเศรษฐกิจที่มีปัญหาเรื่องการส่งออก และผลกระทบในงบประมาณภาพรวม และอัตราแลกเปลี่ยนต่าง ๆ จะเห็นว่านโยบายเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ หรือนโยบายทางการคลังที่รัฐบาลรับผิดชอบ เริ่มได้รับผลกระทบ ต้องการให้ทุกหน่วยงานรวบรวมมาตรการการช่วยเหลือผู้ส่งออก ผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดย่อม (เอส เอ็ม อี) ที่ได้รับผลกระทบ ว่ามีมาตรการช่วยเหลือ แก้ไขอย่างไรบ้าง โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมข้อมูล พร้อมเร่งสรุปว่ามีมาตรการใดที่ต้องทำเพิ่มเติมอีก
"ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณโดยเฉพาะงบประมาณที่เป็นแผนการลงทุน โดยเฉพาะหน่วยงานที่ต้องประสานงานรัฐวิสาหกิจขอให้เร่งรัดนำงบประมาณไปใช้โดยเร็วเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจและความมั่นคง นอกจากนั้นขอความร่วมมือเกี่ยวกับการจัดสัมมนาในหน่วยงานขอให้เร่งสัมมนาในไตรมาส 1 — 3 จะดีมาก ทั้งนี้ การจัดสัมมนาขอให้กระจายไปสัมมนาในต่างจังหวัดเพื่อช่วยกระตุ้นเรื่องของเศรษฐกิจในภูมิภาค"นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ ขอให้กระทรวงพาณิชย์ศึกษาผลกระทบหลังจากเปิดเขตการค้าเสรี(FTA)จากการเปิดประชาคมอาเซียนว่า สินค้าแต่ละชนิดเป็นอย่างไรให้เทียบจุดด้อยจุดเด่นกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน ควบคู่กับการศึกษาผลกระทบในภาพรวม อย่างดูเฉพาะโครงสร้างภาษีที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้รวบรวมและติดตามแผนอาเซียนของทุกกระทรวง และให้กำหนดวันประชุมเพื่อติดตามงาน ซึ่งประมาณปลายปีนี้จะต้องมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับอาเซียนเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ จะได้มีความรู้ในเชิงลึกต่อไป