ในส่วนของการจัดทำยุทธศาสตร์และปรับปรุงงบประมาณได้มีการระดมสมองจากปลัดกระทรวงและหน่วยราชการ ได้สรุปว่า ประเทศไทยมีปัญหาอะไร จะต้องปรับปรุงยุทธศาสตร์จะต้องสอดคล้องกับปัญหา ประการแรกคือ ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน เราขาดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมาเป็นเวลานาน
ประการที่ 2 คือ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ช่องว่างรายได้ของผู้มีรายได้น้อยกับผู้มีรายได้มากสูงขึ้นและยังไม่มีอัตราที่แคบลง ความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจ รายได้ของประเทศพึ่งพาการส่งออกถึง 70% และได้สะท้อนความไม่สมดุลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามีผลกระทบต่อผู้ส่งออกและสะท้อน GDP ภาพรวมของประเทศ เราจึงต้องร่วมกันพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศให้มากขึ้น รัฐบาลได้เน้นนโยบายต่างๆที่สร้างความเจริญและกระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ
ประการสุดท้าย คือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกขาดความสมดุลเช่นกัน ปี 54 น้ำท่วม ปีนี้แล้ง เราจะต้องทำอย่างไรในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและดูแลการใช้น้ำอย่างเต็มประสิทธิภาพ ป้องกันน้ำท่วมและทำอย่างไรให้มีน้ำเพื่อการบริโภค ภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมอย่างทั่วถึง จึงเป็นที่มาของยุทธศาสตร์ประเทศซึ่งแบ่งเป็น 4 ด้าน คือ 1.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ในทุกมิติ 2.การลดความเหลื่อมล้ำ 3.การเติบโตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 4.การปรับสมดุลและปรับระบบการบริหารจัดการภายในของภาครัฐเพื่อสะท้อนและตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ
ทั้งนี้ จากการทำงบประมาณ ได้พิจารณาคำขอจากส่วนราชการทุกจังหวัดทุกพื้นที่เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน โดยแบ่งการทำงบประมาณเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ งบประมาณเพื่อตอบโจทย์การให้บริการพื้นฐานตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ จะต้องเติมเต็มในส่วนของสวัสดิการพื้นฐานต่างๆของประชาชนอย่างทั่วถึง ส่วนที่สอง คือ บูรณาการตามยุทธศาสตร์ 4 ข้อตามที่กล่าวมาข้างต้น รวมถึงนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงการจัดสรรงบประมาณว่า เราให้ความสำคัญต่อยุทธศาตร์การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เช่นการเชื่อมโยงพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ให้แน่ใจว่าเมื่อเรามีการลงทุนแล้วต้องเชื่อมโยงไปยังชุมชนอย่างแท้จริง และเชื่อมโยงจากต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำด้วย
เรื่องของการพัฒนาอุตสาหกรรมภาคเกษตร และงบวิจัย ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับงานวิจัย และอยากเห็นงานวิจัยต่างๆไปสู่ภาคเอกชน และภาครัฐเพื่อได้ใช้งานวิจัยนี้อย่างเต็มขีดความสามารถ โดยปีนี้งบประมาณด้านการวิจัยเพิ่มขึ้น 25% จากงบประมาณปี 56 นอกจากนี้ยังบูรณาการงานวิจัยทั้งหมดของภาครัฐเพื่อบูรณาการไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน รวมถึงประชุมร่วมกับภาคเอกชนโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่ต้องการความช่วยเหลือต้องการใช้งานวิจัยนี้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและผลิตภัณฑ์
ยุทธศาสตร์การลดความเหลื่อมล้ำ เป็นปัญหาและปัจจัยหลัก ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ให้ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการของภาครัฐอย่างเท่าเทียมกัน และการกระจายลงไปยังส่วนจังหวัดในภูมิภาคอย่างเสมอภาค การช่วยเหลือเด็ก สตรี ผู้สูงบอายุ และผู้ด้อยโอกาส
ยุทธศาสตร์การเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เรามีการจัดสรรเรื่องการดูแลทรัพยากรป่าไม้ การบริหารจัดการน้ำ บริหารทรัพยากรธรรมชาติที่บูรณาการกับการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนซึ่งจะแก้ปัญหาทั้งภัยแล้งและน้ำท่วมในคราวเดียวกัน
ในส่วนของการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งส่วนนี้ได้มีการเพิ่มงบประมาณในส่วนของปัญหาความมั่นคงทางแนวชายแดนภาคใต้สูงขึ้นกว่าปี 56 อีก 23% เป็นเม็ดเงินประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท ทั้วการรักษาความสงบตามกรอบนโยบายความมั่นคงแห่งชาติที่ได้นำเสนอต่อรัฐสภา และงานพัฒนาต่างๆ ร่วมกันในการเสริมสร้างเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
"ถ้าดูจากยุทธศาสตร์ประเทศ เราให้น้ำหนักของการลดความเหลื่อมล้ำ ที่ท่านผู้นำฝ่ายค้านระบุว่า "รวยกระจุก จนกระจาย"นั้น รัฐบาลนี้เน้นลดความเหลื่อมล้ำกระจายและให้โอกาสอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน"นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำในที่ประชุมสภาฯ