การใช้มาตรการควบคุมราคาของรัฐบาล (ผ่านความร่วมมือกับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เป็นหลัก) ประสบผลสำเร็จเกินคาด โดยหากนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง บล.ทิสโก้ จึงปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและพื้นฐานลงสู่ระดับ 2.5% และ 1.1% ตามลำดับ (จาก 3.3% และ 1.6% ในการประมาณการครั้งก่อน) โดยเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมราคาอย่างต่อเนื่อง และระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังทรงตัว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ในการประชุมวันที่ 10 ก.ค.นี้ โดย คาดว่า กนง.จะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือน ประกอบการตัดสินใจเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป
"อัตราเงินเฟ้อที่แผ่วลงไม่ได้หมายความว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะต้องผ่อนคลายลงตามเสมอไป โดยจากรายงานการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อ 29 พ.ค. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวถึง การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตว่า จะพิจารณาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงิน รวมถึงความผันผวนของการไหลของเงินทุน" บทวิจัย ระบุ
ขณะที่ สถานการณ์การไหลเข้าออกของเงินทุนและค่าเงินบาทเริ่มมีเสถียรภาพในเดือนที่ผ่านมา ส่วนพัฒนาการเศรษฐกิจนั้น แม้ภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ค. มีแนวโน้มชะลอตัวเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) จากฐานที่สูง แต่เชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะพิจารณาแรงส่งหรือโมเมนตัมทางเศรษฐกิจเทียบเดือนก่อนหน้าหลังปรับตามฤดูกาล (MoM, seasonally adjusted) มากกว่า ซึ่งน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง นอกจากนี้ ธปท. กล่าวเตือนอยู่บ่อยครั้งถึงความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินที่สูงขึ้น
"ด้วยเหตุผลข้างต้น เราเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50%"