“เรากำลังเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอของอุปสงค์ในภาคเอกชน ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากการฟื้นตัวในภาคที่อยู่อาศัยและภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ และภาวะการเงินที่ผ่อนคลายลง เมื่อพิจารณาจากภาวการณ์นี้ เราเชื่อว่าการขยายตัวจะอยู่ที่เกือบ 2% ในปีนี้ และจะยังคงสูงขึ้นในปีหน้า" นางลาการ์ดกล่าวที่สถาบันบรูคกิ้งส์ในวอชิงตัน
ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในการลดยอดขาดดุลการคลังลงนับแต่ปี 2552 แต่ปัญหาหนี้สินระยะยาวก็จะยังคงเป็นเรื่องที่สร้างความวิตกอย่างมาก
“ขณะที่การปรับสมดุลการคลังอาจจะมีความรุนแรงมากเกินไปในระยะใกล้นั้น แต่ก็ยังคงอ่อนแอเกินไปในระยะกลาง โดยในประเด็นของการฟื้นตัวนั้น นับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้นในการกำหนดแนวทางในระยะกลางที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อลดหนี้สิน ซึ่งก็คือแผนการที่มีความสมดุลในการประหยัดรายจ่าย ประกอบกับการเพิ่มรายได้"
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีอัตราการขยายตัวรายปีที่ 2.4% ในไตรมาสแรก โดยนักเศรษฐศาสตร์มองว่าขณะที่เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นอยู่บ้างหลังการปรับลดรายจ่ายของรัฐบาลนั้น แต่ผลกระทบทางการคลังอาจมีความชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 2
ทางด้านเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่ายังต้องใช้เวลามากขึ้นในการประเมินว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการคุมเข้มทางการคลังหรือไม่ ก่อนที่จะทำการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับการชะลอมาตรการกระตุ้นทางการเงิน สำนักข่าวซินหัวรายงาน