"ตอนนี้มีอยู่ 2 เรื่องหลักๆที่ต้องจับตา คือ สต็อกยางจีนกับราคาน้ำมัน ซึ่งราคาน้ำมันมันผูกติดกับเศรษฐกิจโลกอยู่แล้ว ถ้าเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอน โอกาสที่ราคาน้ำมันจะขึ้นเยอะๆ ก็ยังไม่เห็น อย่างจีน คาดว่าน่าจะยังมีดีมานด์การนำเข้ายางจากไทยไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ นำไปใช้ทำยางล้อรถยนต์ แต่ด้วยความที่สต็อกยังเยอะอาจจะต้องใช้เวลา 4-5 เดือนเหมือนในอดีตที่จะทำให้สต็อกยางลดลงมา ส่วนประเด็นเสริมอื่นๆ เช่น สภาพอากาศที่เข้าสู่ช่วงหน้าฝน การกรีดยางอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ก็มีโอกาสทำให้ราคาบางไต่ระดับขึ้นได้"แหล่งข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
แหล่งข่าว กล่าวว่า โดยปกติเราจะส่งออกยางไปจีนช่วงปลายปี-ต้นปีถัดมาค่อนข้างเยอะ แต่ต้นปีนี้เป็นจังหวะที่จีนยังสะสมสต็อกยางไว้สูงมากจึงชะลอการซื้อเพิ่ม และจีนยังมามีปัญหาเศรษฐกิจซ้ำเติม ราคาน้ำมันก็ไม่สดใส ทำให้คาดว่าในระยะสั้นราคายางอาจจะถูกกดดันจากประเด็นสำคัญเหล่านี้ แต่หากในระยะถัดไปตัวเลขสต็อกยางของจีนลดลงก็อาจจะได้เห็นราคายางค่อยๆรีบาวน์ในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม ไม่แน่ใจว่าราคาจะสามารถขึ้นไปทดสอบ 110 บาท/กก.อย่างที่รัฐบาลคาดหวังได้หรือไม่
ทั้งนี้ ในระยะสั้นคือในช่วง 1-2 เดือนนับจากนี้คาดว่าราคายางน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 70-85 บาท/กก.เนื่องจากประเด็นสำคัญคือสต็อกยางของจีนยังสูงมากและราคาน้ำมันในตลาดโลกยังไม่สดใส โดยตั้งแต่เดือน พ.ย.55 ตัวเลขสต็อกยางจีนอยู่ที่ประมาณ 30,000 ตัน พอมาเดือน ก.พ.56 พุ่งเป็น 100,000 ตัน เนื่องจากจีนเร่งซื้อเก็บไว้ก่อนเทศกาลคริสมาสต์ ปีใหม่ และตรุษจีน
ขณะที่ เดือน เม.ย.ที่ผ่านมาตัวเลขสต็อกเพิ่มเป็น 120,000 ตัน เดือน พ.ค.ลดลงมาเพียงเล็กน้อยเหลือ 114,000 ตัน ซึ่งปกติหลังปีใหม่ ตรุษจีนประมาณ 4-5 เดือนตัวเลขสต็อกยางจีนก็จะลดลงเร็วมาก แต่มาปีนี้ผิดปกติเพราะวิกฤตเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงต้องขอรอดูตัวเลขสต็อกจีนอีก 2-3 เดือนนับจากนี้
"ในช่วงครึ่งปีแรกราคายางถูกปัจจัยแวดล้อมกดดันอย่างหนัก ทั้งตัวเลขสต็อกยางจีนยังสูงและยังต้องจับตาต่อไปอีกในระยะ 2-3 เดือนต่อจากนี้ว่าระดับสต็อกจะลดลงหรือไม่ และความต้องการใช้จะเป็นอย่างไรเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่สดใสอาจบั่นทอน รวมถึงแนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังกดดันตามภาพรวมเศรษฐกิจโลก"แหล่งข่าว กล่าว
วันนี้ ราคายางตลาดกลางยางพาราสงขลา ยางแผ่นดิบอยู่ที่ 81.89 บาท/ก.ก.และ ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 85.46 บาท/ก.ก.