องค์กรพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) ระบุ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกเติบโตขึ้น 1.7% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้นจาก 1.3% ในช่วงปลายปี 2555
รายงานจากสหประชาชาติ ระบุว่า "การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจในยุโรป เนื่องจากการใช้มาตรการรัดเข็มขัด" ทั้งยังระบุอีกว่า จะยังคงมีผู้ตกงานจำนวนมากต่อไปอีกในอนาคต
รายงานเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในฝรั่งเศสร่วงลง 4.2%, เยอรมนีลดลง 1.7%, อิตาลีลดลง 4.5%, สหพันธรัฐรัสเซียลดลง 3.1% และอังกฤษลดลง 2.1%
ประเทศเขตเศรษฐกิจขนาดเล็กบางแห่งในยุโรปช่วยให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในยุโรปมีทิศทางที่ดีขึ้น ได้แก่ ออสเตรีย เอสโตเนีย และเดนมาร์ก ประเทศญี่ปุ่นมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในทิศทางที่เป็นลบในช่วงไตรมาสแรก แต่ส่งสัญญาณฟื้นตัวด้วยการเติบโตขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน
รายงานคาดการณ์ว่า อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะทำให้ราคาสินค้าของญี่ปุ่นในต่างประเทศลดลง ซึ่งอาจช่วยเพิ่มอัตราการส่งออก
ศูนย์กลางการเติบโตทางเศรษฐกิจในปัจจุบันมีจำกัดอยู่เพียงแค่ในสหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตแถวหน้าของโลก
ในสหรัฐฯ ตัวเลขทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบในปี 2555 และไตรมาสแรกของปี 2556 การเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าประทับใจที่สุด จากข้อมูลในรายงาน มาจากอุตสาหกรรมเครื่องจักร และอุปกรณ์, เครื่องใช้ไฟฟ้า และภาคผลิตยานยนต์
ขณะเดียวกัน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนก็เติบโตขึ้น 9.7% ลดลงเล็กน้อยจาก 10.0% ในไตรมาสก่อน การเติบโตครั้งสำคัญนี้นับเป็นปริมาณมากกว่าครึ่งของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของประเทศเขตอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนา และเขตอุตสาหกรรมเกิดใหม่
ปัจจัยหลักที่ทำให้อัตราการเติบโตลดต่ำลงคือ การส่งออกไปยังประเทศอุตสาหกรรมอื่นๆ และเงินทุนที่ไหลเข้าไปกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีปริมาณต่ำ สำนักข่าวซินหัวรายงาน