"เท่าที่ดูเบื้องต้นตัวเลขที่เป็นปัญหา เป็นการรายงานผลดำเนินโครงการแทรกแซงสินค้าเกษตรในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 46 ถึงปัจจุบัน ซึ่งมี 2-3 โครงการไม่เกี่ยวข้องกับข้าว เช่น มันสำปะหลัง ตามหลัก คณะกรรมการปิดบัญชี จะต้องรายงานข้อมูลให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาต (กขช.) ก่อน แต่ยังไม่รายงาน ข้อมูลก็เปิดเปยต่อสาธารณะแล้ว" นายบุญทรง กล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้คืนเงินจากการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้กับกระทรวงการคลังไปแล้วประมาณ 120,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการระบายข้าวจากที่ได้จากโครงการรับจำนำปี 54/55 มูลค่า 80,000-90,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการระบายข้าวที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวปี 55/56 โดยยืนยันว่าแผนการคืนเงินเป็นไปตามเป้าหมายเดิม คือภายในสิ้นก.ย.จะคืนได้เพิ่มเป็น 149,000 ล้านบาท
สำหรับกรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่าโครงการรับจำนำข้าวทำให้ความน่าเชื่อถือประเทศไทยลดลงนั้น เห็นว่าการรับจำนำข้าวเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆประเด็นที่มูดี้ส์หยิบยกขึ้นมาสอบถามเท่านั้น ตนไม่มีหน้าที่ชี้แจง เป็นเรื่องของกระทรวงการคลังที่จะต้องชี้แจง
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นฟ้องร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องการระบายข้าวของรัฐบาล และพาดพิงถึง พ.ต.นพ.วีรวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการรมว.พาณิชย์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบายข้าวนั้น เป็นเรื่องส่วนตัว ตนไม่มีหน้าที่ชี้แจงแทนใคร เพราะตนได้มอบหมายงานให้แต่ละคนทำตามขอบข่ายอำนาจของแต่ละคนแล้ว และมองว่าหากพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นฟ้องร้องเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ก็ควรยื่นฟ้องการระบายข้าวสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลด้วย เพราะมีข่าวว่ารัฐบาลสมัยนั้นขายข้าวได้เพียงตันละ 5,400 บาทเท่านั้น