ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ในวันนี้ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์การควบรวมธุรกิจสำหรับธุรกิจทั่วไป ยกเว้นธุรกิจที่มีกฎหมายดูแลเฉพาะอยู่แล้ว เช่น ธุรกิจสื่อสาร ธุรกิจการเงิน ฯลฯ โดยธุรกิจที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวไม่ว่าหลังรวมหรือก่อนรวมธุรกิจจะถือเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด
"หากมีพฤติกรรมการใช้อำนาจเหนือตลาดที่ผิดจนทำลายธุรกิจของคู่แข่ง หรือถูกร้องเรียนก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ทันที แต่หากไม่มีการใช้อำนาจเหนือตลาดในทางที่ผิดก็จะไม่ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย" นายบุญทรง กล่าว
สำหรับเกณฑ์การรวมธุรกิจที่ได้อนุมัตินั้น ได้แก่ 1.ก่อนหรือหลังรวมธุรกิจ มีส่วนแบ่งตลาดตั้งแต่ 30% ขึ้นไป และมียอดขายหรือรายได้ในปีที่ผ่านมาตั้งแต่ 2,000 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป ในสินค้าใดสินค้าหนึ่ง หรือบริการใดบริการหนึ่ง 2.การเข้าซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงในคราวเดียวกันหรือหลายคราว กรณีบริษัทมหาชนตั้งแต่ 25% ขึ้นไป กรณีบริษัทจำกัดตั้งแต่ 50% ขึ้นไป และรายใดรายหนึ่งหรือทั้งสองรายรวมกัน มีส่วนแบ่งตลาดตั้งแต่ 30% ขึ้นไปและมียอดขาย หรือรายได้ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ 2,000 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป ในสินค้าและบริการหนึ่ง โดยธุรกิจที่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะถือเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด
อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจที่มีกฎหมายเฉพาะดูแลอยู่แล้ว ที่ประชุมฯ ได้สั่งให้คณะอนุกรรมการศึกษาเกณฑ์ควบรวมไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อออกแนวปฎิบัติการรวมธุรกิจ(ไกด์ไลน์) และแบบคำขออนุญาตรวมธุรกิจให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน และเสนอให้ที่ประชุมฯ พิจารณาต่อไป