นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.80/82 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 30.64/66 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค
"เงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาคทั้งมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เพราะ trend ดอลลาร์แข็ง...(เงินบาท)เป็นไฮสุดของปีนี้" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.60-30.85 บาท/ดอลลาร์ โดยในระยะยาวหากยังไม่มีปัจจัยอะไรเข้ามา ดอลลาร์ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง และนักลงทุนยังติดตามดูเรื่องมาตรการ QE ว่าจะดำเนินการอย่างไร
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.68/70 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 97.93/95 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3220/3223 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3212/3214 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,528.55 จุด เพิ่มขึ้น 12.31 จุด, +0.81% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 39,169.17 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,818.68 ลบ.(SET+MAI)
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) เดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ แตะที่ 96.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียเมื่อเวลา 10.25 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยข้อมูลด้านการจ้างงานที่ดีเกินคาด โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 149,000 ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถูกปรับทบทวนลงจาก 165,000 ตำแหน่งในรายงานก่อนหน้านี้ ส่วนอัตราว่างงานขยับขึ้นแตะ 7.6% ในเดือน พ.ค.จาก 7.5% ในเดือนก่อนหน้า
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) เริ่มเปิดฉากการประชุมกำหนดนโยบายระยะเวลา 2 วันในวันนี้ โดยมีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นการหารือเกี่ยวกับแนวทางในการบรรเทาความผันผวนในตลาดพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งรวมถึงการจัดสรรเงินกู้ระยะยาวแก่สถาบันการเงินต่างๆ ด้วย
- นายโยชิฮิเดะ สึกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เผยรัฐบาลต้องพิจารณาปฏิรูปภาษีอย่างยืดหยุ่น เพื่อช่วยเพิ่มการใช้จ่ายด้านทุนของภาคเอกชน ตลอดทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
- รัฐบาลเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้ทำข้อตกลงจัดการเจรจาระดับรัฐบาลในสัปดาห์นี้ ขณะที่ทางการญี่ปุ่นจะร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา เพื่อแก้ไขปัญหาในการรับมือกับเกาหลีเหนือ
- สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นในเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 45.7 จาก 44.5 ในเดือน เม.ย. ซึ่งส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นของผู้บริโภคญี่ปุ่น ขณะที่รัฐบาลยังคงเดินหน้านโยบายเพื่อจัดการกับภาวะเงินฝืดและพลิกฟื้นเศรษฐกิจ
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส(Insee) เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.พุ่งขึ้น 2.2% ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ส่วนข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค.มีการปรับทบทวนเป็นลดลง 0.6% จากเดิมที่รายงานว่าหดตัว 0.9%
- สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์(3-7 มิ.ย.56) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 478,175 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 95,635 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 7% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 70% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 334,809 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย(ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง(Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 122,201 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน(Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 6,998 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดดีดตัวขึ้นในวันนี้เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะไม่ชะลอโครงการซื้อพันธบัตรในเร็วๆ นี้ โดยดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 39.83 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 21,615.09 จุด
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลี(Istat) เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.ลดลง 0.3% จากเดือน มี.ค.ซึ่งเป็นการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และหากเทียบกับช่วงเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว การผลิตในภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 4.6%
- ผลตอบแทนพันธบัตรผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดลดลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง โดยพันธบัตรหมายเลข 329 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวปิดลดลง 0.015% จากระดับปิดเมื่อวันศุกร์ มาอยู่ที่ 0.835% ส่วนราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปีส่งมอบเดือน มิ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.11 จุด แตะที่ระดับ 143.22 ในตลาดหุ้นโตเกียว