สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,386 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 18.2 เซนต์ ปิดที่ 21.925 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 3.80 เซนต์ ปิดที่ 3.2305 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1506.90 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 4.30 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 769.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 8.20 ดอลลาร์
สัญญาทองคำร่วงลงหลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลผลิตมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมจีนเดือนพ.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 9.2% เมื่อเทียบรายปี ลดลงจากเดือนเม.ย.ซึ่งขยายตัว 9.3% ขณะที่มูลค่าการค้าระหว่างประเทศโดยรวมของจีนในเดือนพ.ค.ขยายตัวเพียง 0.4% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 3.451 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงอย่างมากจากที่ขยายตัว 15.7% ในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ยอดการส่งออกของจีนปรับตัวขึ้น 1% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 1.8277 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าลดลง 0.3% แตะ 1.6234 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าอยู่ที่ 2.043 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยอดส่งออกในเดือนที่แล้วต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดมาก แม้จะพิจารณาผลกระทบจากการที่รัฐบาลออกกฎเพื่อสกัดเงินร้อนแล้วก็ตาม
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนนี้ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรในเวลาที่เร็วกกว่ากำหนด
เอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด แคนซัสซิตี้ได้ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนการชะลอโครงการซื้อพันธบัตร โดยกล่าวว่าการลดขนาดโครงการดังกล่าวจะช่วยให้ตลาดการเงินลดการพึ่งพานโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ ซึ่งเป็นการตอกย้ำจุดยืนของเขาที่เคยออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่า นโยบายของเฟดในปัจจุบันนั้นผ่อนคลายเกินไป พร้อมกับกล่าวว่าการผ่อนคลายนโยบายมากเกินไปอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ