นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง ด้วยการระดมเงินจากภาครัฐและเอกชนรวม 7 แห่ง แห่งละ 30 ล้านบาท เข้ารับซื้อยางจากเกษตรกรโดยใช้กลไกการซื้อขายของตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างราคาอ้างอิงยางพาราว่า การเข้ามาซื้อขายล่วงหน้าของผู้ส่งออกรายใหญ่ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับยางพารา หากกำหนดวงเงินวางประกันและสำรองการเผื่อการขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นรายละ 30 ล้านบาท รวมกันแล้วจะก่อให้เกิดปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอีกโดยเฉลี่ยประมาณ 300-400 สัญญา/วัน หรือคิดเป็น 1 เท่าตัวจากปริมาณการซื้อขายในปัจจุบันที่ระดับ 300 สัญญา/วัน
"ถือเป็นปริมาณที่มากพอที่จะก่อให้เกิดผลทางบวกทางจิตวิทยาและสร้างความเชื่อมั่นในสภาพคล่องของตลาด AFET และจูงใจให้ผู้เกี่ยวข้องกับสินค้าและนักลงทุนเข้ามาซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายและเป็นแหล่งอ้างอิงราคายางพาราที่สำคัญของโลก" รมช.เกษตรฯ กล่าว
รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า ในวัน 13 มิ.ย.นี้ จะนัดเจรจากับสมาคมยางพารา และจะนำเรื่องนี้เข้าหารือด้วย