ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบเยน หลังบีโอเจเมินออกมาตรการใหม่

ข่าวต่างประเทศ Wednesday June 12, 2013 07:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ไม่ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมเมื่อวานนี้

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 96.14 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 98.71 เยน และอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9245 ฟรังค์ จากระดับ 0.9328 ฟรังค์

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3307 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3262 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5641 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5584 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9443 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9475 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนหลังจากบีโอเจมีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษในการประชุมวันนี้ ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่คาดว่าบีโอเจอาจอัดฉีดเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับธนาคารพาณิชย์ หรือออกมาตรการใหม่ๆเพิ่มเติม เพื่อสกัดการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะยาว

เงินเยนพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ เป็น 4.1%ต่อปี จากก่อนหน้านี้ที่ประมาณการไว้ที่ 3.5% ต่อปี หลังจากที่ได้มีการปรับเพิ่มการประเมินตัวเลขการลงทุนในภาคธุรกิจ

นักวิเคราะห์กล่าวว่า อุตสาหกรรมการส่งออกของญี่ปุ่นเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มกลับมาขยายตัว และยังได้แรงหนุนจากนโยบายเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ หรือ "อาเบะโนมิกส์" ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การผลักดันให้บีโอเจใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณและกระตุ้นการใช้จ่ายสาธารณะจำนวนมหาศาล ซึ่งส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลง

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นจากข่าวที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีเริ่มต้นการพิจารณาโครงการ Outright Monetary Transactions หรือ OMT ของธนาคารกลางยุโรปและกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีอาจจะไม่ขวางแผนการของอีซีบีในการซื้อพันธบัตรประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ

สหรัฐได้เปิดเผยมูลเศรษฐกิจเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 0.2% จากเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่ยอดค้าส่งดีดตัวขึ้น 0.5% หลังจากที่ร่วงลง 1.4% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวกสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ขณะที่สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) รายงานว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนพ.ค. สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมีมุมมองที่สดใสขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ