อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท.ได้ขายดอลลาร์ออกไปในจำนวนมากพอสมควร เพื่อดูแลไม่ให้เงินบาทเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากเกินไป อีกทั้งเป็นการลดภาระการเก็บเงินทุนสำรองไว้ในระดับที่สูง ทั้งนี้ ธปท.จะพยายามไม่ให้ฝืนต่อทิศทางของตลาดมากนัก ขณะเดียวกันภาคเอกชนก็ควรบริหารความเสี่ยงด้วยตัวเองด้วย
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงนั้นก็ไม่น่าวิตกกังวลเช่นกัน เพราะเป็นทิศทางการไหลกลับออกไปของเงินทุนจากต่างประเทศ เมื่อนักลงทุนเห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มฟื้นตัว โดยในช่วงปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากเกือบ 30% โดยมีสัดส่วนการเติบโตเกือบสูงสุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาดี และมีแรงหนุนจากภาครัฐที่ปรับลดภาษีนิติบุคคลลงจาก 30% เหลือ 23%
ส่วนข้อกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้ออาจปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัญหาเงินบาทอ่อนนั้น ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า อาจจะมีผลอยู่บ้าง เพราะเรายังต้องนำเข้าสินค้าหมวดพลังงานจากต่างประเทศ แต่เชื่อว่าจะมีผลกระทบเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่การพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะต้องพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมหลายส่วนมาประกอบกัน ไม่ได้พิจารณาแค่เฉพาะเรื่องราคาสินค้าหมวดพลังงานเท่านั้น อีกทั้งเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของไทยยังอยู่ในภาวะชะลอตัวจึงต้องนำมาพิจารณาด้วย