รมช.คลัง กล่าวว่า การประชุมดังกล่าว มีขึ้นเพื่อเป็นการพบปะกันระหว่างผู้บริหารของหน่วยงานต่างๆ อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้ร่วมงานกันเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ นำเสนอแนวทางการดำเนินงานของ แต่ละหน่วยงาน และปัญหาอุปสรรคต่างๆ พร้อมทั้งรับมอบนโยบายร่วมกัน โดยจะติดตามการทำงานของหน่วยงาน 16 หน่วยงาน ตามความสอดคล้องของภารกิจของหน่วยงาน แบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ดังนี้ กลุ่มกรมจัดเก็บรายได้ (ประกอบด้วย สามกรมจัดเก็บภาษี ได้แก่ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร) กลุ่มรัฐวิสาหกิจ กลุ่มสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐหรือ SFIs (เช่น ธกส. ธพว. เป็นต้น) และกลุ่มอื่นๆ (ได้แก่ คปภ. กองทุนปรับบทบาทสำนักงานกองทุนพัฒนาเมืองในภูมิภาค)
นโยบายสำคัญที่คาดหวังจะเกิดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมในปีต่อไป คือ กลุ่มกรมจัดเก็บรายได้ จะมุ่งเน้นการจัดเก็บภาษีให้ได้ตามเป้าหมาย พัฒนาระบบภาษีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเก็บภาษี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านมาตรการทางภาษี
กลุ่มรัฐวิสาหกิจ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจทั้งในแง่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการภายในองค์กร เพื่อลดการพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐ ในระยะยาว และมุ่งเน้นบทบาทการเป็นผู้รับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น
กลุ่มสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มุ่งเน้นสถานะการเงินที่มั่นคง เพิ่มประสิทธิภาพในการบริการจัดการความเสี่ยง รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงประชาชนกลุ่มรายย่อยมากขึ้น โดยเฉพาะ SME Bank ได้ผ่านการรับรองแผนฟื้นฟูและการเพิ่มทุน และจะมีการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารและเกณฑ์การประเมินความเสี่ยง โดยมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
กลุ่มอื่นๆ โดยภาพรวมแล้วจะมุ่งเน้นการดำเนินงานการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น การดำเนินการประกันภัยพืชผลและประกันภัยรายย่อยต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย รวมถึงการปรับบทบาทสำนักงานกองทุนพัฒนาเมืองในภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลลัพธ์ในภาพรวมของการประชุม เชื่อมั่นว่าจะก่อให้เกิดความใกล้ชิดในการดำเนินงาน ซึ่งจะนำมาซึ่งความร่วมมือกันในการตัดสินใจเชิงนโยบายและการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ประเทศของรัฐบาล ส่งเสริมภารกิจของหน่วยงาน และก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด