"ยังไม่มีมติ วันนี้เป็นเพียงการรับฟังข้อเสนอและความเห็นต่างๆ แล้วให้ทาง กขช.นำกลับไปพิจารณาให้เป็นไปในทิศทางที่ชัดเจน ก่อนที่จะนำมารายงานต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า ครม.จะพิจารณาเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าวในโครงการข้าวนาปี ฤดูกาลผลิตปี 56/57 ที่ กขช.จะนำเสนอใน 3 ทางเลือก คือ 1.ลดราคาจากปัจจุบันที่ 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ลงอีก 15-20%, 2.ใช้ราคาต้นทุนที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คำนวณและบวกกำไรให้ชาวนา 25% และ 3.ใช้ราคาชี้นำตลาดโดยบวกราคาเพิ่มให้จากราคาตลาดอีก 10% ซึ่งทั้ง 3 วิธีจะทำให้ราคาข้าวเปลือกเจ้ารอบใหม่ลดเหลือ 12,000-13,500 บาท/ตัน ส่วนข้าวหอมมะลิและข้าวชนิดอื่นก็จะลดราคาในแนวทางเดียวกัน
โดยวันนี้ ที่ประชุม ครม.ได้รับทราบผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล พร้อมทั้งคำชี้แจงจากนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองได้กำชับให้ตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบสต็อกข้าวในโกดังทุกแห่ง โดยทำงานร่วมกับทีมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และรายงานกลับมายังที่ประชุม ครม. หากสต็อกข้าวที่ใดไม่ครบถ้วน Surveyer ที่ดูแลก็ต้องเป็นผู้ชดใช้ตามราคาต้นทุนจริง
ขณะนี้ตัวเลขปริมาณการรับจำนำข้าว และผลการดำเนินงานขาดทุนที่กระทรวงพาณิชย์และคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ เป็นตัวเลขเดียวกันแล้ว คงเหลือแต่ตัวเลขสต็อกคงค้างและการคำนวณมูลค่าสต็อกคงค้างที่ยังไม่ตรงกัน ซึ่งนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ จะมอบให้ กขช.และคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ นำกลับไปตรวจสอบอีกครั้งแล้วนำกลับมาเสนอที่ประชุม ครม.
นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบว่า จากผลการดำเนินงานที่ขาดทุนจะทำให้มีการพิจารณาปรับลดราคาและปริมาณรับจำนำข้าวในฤดูกาลผลิตหน้าหรือไม่ โดยระบุว่า ในทางบัญชีเรียกได้ว่าขาดทุน แต่ในความเป็นจริงต้องยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวช่วยดูแลเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และทำให้เศรษฐกิจในประเทศเกิดการหมุนเวียน
และเมื่อถามถึงผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ฤดูกาลปี 54/55 ที่มีจำนวนมากถึง 1.36 แสนล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีนี้มีจำนวนชาวนาที่ปลูกข้าวเพิ่มมากขึ้น
ส่วนการปรับ ครม.ในตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังถือว่า รมว.พาณิชย์ ยังทำหน้าที่ต่อไป โดยตนเองยังเป็นผู้กำกับดูแลและตรวจสอบงานของทุกกระทรวง แต่จะมีการปรับ ครม.หรือไม่นั้นหากจะดำเนินการเมื่อใดก็จะชี้แจงให้สื่อมวลชนรับทราบ ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและผลการทำงาน