"รัฐบาลจำเป็นต้องปรับลดราคาให้เกิดความสมดุล สอดคล้องกับราคาตลาดโลก รายได้ของชาวนา และรักษาวินัยการเงินการคลัง แต่หากราคาตลาดโลกมีการปรับตัวที่ดีขึ้น รัฐบาลยินดีที่จะปรับราคาต่างๆ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น ตามกลไกลราคาและสะท้อนความเป็นจริง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
วานนี้(19 มิ.ย.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นัดพิเศษรับทราบผลการประชุม กขช.ให้ปรับราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้า 100% ของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/56 ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 จากราคาตันละ 15,000 บาท เป็นราคาตันละ 12,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.56 เป็นต้นไป และให้จำกัดวงเงินรับจำนำข้าวของเกษตรกรแต่ละครัวเรือน จากเดิมที่ไม่จำกัดวงเงิน เป็นไม่เกินครัวเรือนละ 500,000 บาทต่อปี โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.56 เป็นต้นไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีมาตรการเสริมที่จะเข้ามาช่วยเหลือดูแลชาวนา โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้ว่าราชการจังหวัดลงพื้นที่สำรวจผลผลิตการเกษตร และเพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกร เช่น การส่งเสริมการปลูกพืชพลังงานทดแทน เป็นที่ต้องการของตลาด เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ซึ่งได้ราคาสูง
ส่วนข้อเสนอของกลุ่มชาวนาที่ต้องการให้ปรับลดราคาลงมาอยู่ที่ 13,500 บาท/ตันนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมอบให้ กขช.รับไปพิจารณาเพื่อความเป็นธรรม โดยดูปัจจัยความสมดุลของตลาดโลก ต้นทุน วินัยการเงิน ซึ่งเป็นเรื่องสามารถพูดคุยกันได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลต้องการยกระดับรายได้ของเกษตรกร ซึ่งถือเป็นนโยยาบเร่งด่วนของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีแรก และพยายามทำต่อในปีที่สอง แต่ในระยะยาวต้องมีการปฎิรูปเพื่อปรับสมดุลในการทำการเกษตร(โซนนิ่ง)
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมเรียกประชุมด่วนรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงกรณีกลุ่มชาวนาเตรียมออกมาชุมนุมประท้วงหลังรัฐบาลมีมาตรการปรับลดราคารับจำนำข่าว