"การเพิ่มสำรองไฟฟ้าจะเห็นจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีสำรองไฟฟ้าถึงร้อยละ 50 เมื่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หยุดผลิตทั้งประเทศที่มีสัดส่วนร้อยละ 25 ก็ยังเหลือสำรองใช้ถึงร้อยละ 25 ประชาชนยังมีไฟฟ้าใช้เพียงพอ" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ในแผน PDP ดังกล่าวจะต้องพิจารณาถึงโครงการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาประเทศ รวมทั้งพัฒนาเมืองในแต่ละจังหวัด ซึ่งในแต่ละสายของรถไฟฟ้าความเร็วสูงจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงถึง 2,000 เมกะวัตต์ ดังนั้นในแผนระยะยาวจึงจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าให้เพียงพอ และต้องมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เพราะการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งต้องใช้เวลาก่อสร้าง 5-6 ปี เช่น โรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่(IPP) รอบใหม่ที่อยู่ระหว่างการประมูลโรงแรกกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 650 เมกะวัตต์ จะเข้าระบบในปี 2562 ซึ่งอาจจะเข้าระบบไม่ทันกับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น จึงต้องเร่งให้ดำเนินการ
โดยวันนี้ กระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับผู้ช่วยรัฐมนตรีของทุกกระทรวง ซึ่งนายพงษ์ศักดิ์ได้กล่าวว่า เพื่อให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีมาร่วมทำงานตามแผนยุทธศาสตร์ของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงขอให้ทุกกระทรวงไปพิจารณาปรับยุทธศาสตร์รองรับโครงการ 2 ล้านล้านบาท เพราะจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดเมืองใหม่ และการโยกย้ายประชากร ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ