นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ CTH กล่าวว่า ส่วนเรื่องของลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ขณะนี้บริษัทฯมีแผนจะขายลิขสิทธิ์ให้กับฟรีทีวีจำนวน 1 ช่อง เนื่องจากทางเจ้าของลิขสิทธิ์มีการกำหนดไว้ รวมถึงจะขายลิขสิทธิ์ให้กับทางประเทศกัมพูชาและลาวด้วย ซึ่งขณะนี้มีการเข้ามาเจรจาแล้ว แต่ยังไม่มีรายละเอียดในเรื่องรูปแบบ เป็นเพียงการเจรจาแบบกว้างๆ อยู่ แต่หากมีการขายลิขสิทธิ์ให้กับทั้ง 2 ประเทศนี้ คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ด้านนายกฤษณัน งามผาติพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CTH กล่าวว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้อาจสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท เนื่องจากมียอดสมาชิกเข้ามามาก ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทมีทีมกว่า 2,200 ทีมในการติดตั้งกล่อง Set top box และภายเดือน ก.ค.นี้ จะเพิ่มทีมติดตั้งให้ถึง 4,000 ทีมทั่วประเทศ แต่ละทีมจะมีพนักงาน 2-3 คน
ช่วงที่ผ่านมามีสมาชิกเดิมที่เข้ามาลงทะเบียนขอรับการติดตั้งกล่องใหม่กว่า 2 แสนรายแล้ว ซึ่งกล่องใหม่ที่ผลิตออกมาได้ขายไปหมดแล้ว และในวันนี้ได้มีการเปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่รุ่นปฐมฤกษ์ด้วยราคาแพ็คเกจเริ่มต้น 599 บาท โดยหากสมาชิกใหม่ต้องรอการติดตั้งกล่องในเดือนหน้า เนื่องจากทำการผลิตกล่องไม่ทัน
นอกจากนั้น ในช่วงเดือน ก.ค.การผลิตกล่องใหม่จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 4 แสนกล่อง/เดือน โดยปัจจุบันมีโรงงานทั้งหมด 4 แห่งในจีน ซึ่งมีกำลังการผลิตเต็มที่ 5-6 แสน/เดือน และมีแผนที่ะขยายโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่งในไทยเพื่อรองรับการผลิตกล่อง Set top box คาดว่าหากเริ่มผลิตได้ในปลายเดือน มิ.ย.ถึงต้น ก.ค.จะมีกำลังการผลิตหลักหมื่นต่อเดือน
ปัจจุบัน CTH มีช่องรายการทั้งหมด 140 ช่อง เป็นช่องไฮเดฟินิชั่นส์(HD) 31 ช่อง และจะเพิ่มจำนวนช่องรายการให้เป็น 150 ช่องภายในสิ้นปีนี้ ส่วนช่อง HD ขึ้นอยู่กับ Transponder คาดว่าสิ้นปีจะมียอดสมาชิกทั้งหมด 3-4 ล้านราย โดยสัดส่วนของสมาชิกที่ซื้อแพ็คเกจดู 2 ปี แถมฟรี 1 ปีมีอยู่ 20% แพ็คเกจดูฟรี 10 เดือนจ่าย 1 ปีมี 70% และที่เหลือเป็นแบบรายเดือน
นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทจับมือร่วมกับพันธมิตรอย่าง Fox International Channel,Celestial Tiger Entertainment,Nat Geo Wild,Channel V,ช่องบางอ้อ,ช่องเก้ายอด แชนแนล เปิดตัว CTH Family Entertainment Festival เพื่อให้ผู้บริโภคได้ร่วมสัมผัสระบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ
หลังจากเปิดตัวดังกล่าวข้างต้น คาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 1 แสนราย และจะสามารถคุ้นทุนได้ภายใน 3 ปี และจะนำเอาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดสมาชิกในระยะเวลา 3 ปี จะมีทั้งหมด 7 ล้านราย
"บริษัทได้ลงทุนด้านโครงข่ายและระบบไปแล้ว 16,000 ล้านบาทในตัวเชื่อมไปสู่ระดับบ้าน และลงทุนในโปรชั่นและด้านคอนเทนท์ อีกประมาณ 14,000 ล้านบาท รวมเป็น 30,000 ล้านบาทตามจำนวนเงินที่กู้มา สำหรับพาร์ทเนอร์ที่เข้าร่วมส่วนใหญ่จะเป็นคอนเทนท์ของต่างประเทศ ซึ่งทางบริษัทฯจะเดินหน้าหาพาร์ทเนอร์ใหม่ๆมาเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นพาร์ทเนอร์ที่มีฝีมือดี"นายวิชัย กล่าว