(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 31.17/18 อ่อนค่าต่อตามภูมิภาคจากความกังวลเฟดจะชะลอ QE

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 21, 2013 11:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.17/18 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.12/15 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค
"เงินบาทเคลื่อนไหวตามค่าเงินในภูมิภาค น่าจะยังแกว่งตัวเหมือนเดิมตามกระแสข่าวที่เข้ามาและถ้อยแถลงของประธานเฟดเมื่อวาน" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.00-31.40 บาท/ดอลลาร์ โดยประเมินแนวต้านแรกอยุ่ที่ 31.22 บาท/ดอลลาร์ หากผ่านไปได้ก็มีโอกาสที่จะไปถึง 31.40 บาท/ดอลลาร์ ส่วนแนวรับแรกอยู่ที่ 31.10 บาท/ดอลลาร์ ถ้าหลุดแนวรับไปได้อาจลงมาอยู่ที่ 31.00 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ 31.2008 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.17288%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.11/15 เยน/ดอลลาร์ จากวานนี้ที่ระดับ 97.99/98.02 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3237/3239 ดอลลาร์/ยูโร จากวานนี้ที่ระดับ 1.3193/3195 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 31.0320 บาท/ดอลลาร์
  • นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ ส่งสัญญาณชะลอ QE ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัว ซึ่งจะส่งสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจโลก ในระยาวเป็นประโยชน์ต่อทุกประเทศในโลก แต่ในระยะสั้นตลาดยังมีความผันผวน จากเงินทุนที่จะไหลเข้า-ออก แนะนำให้นักลงทุนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด แต่ส่วนตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่มีมาตรการพิเศษใดๆ ออกมารองรับ อย่างไรก็ตาม มองว่าในช่วงตลาดอยู่ในขาลงเป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี
  • ขณะที่นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกตอนนี้มีความผันผวนมากหลังจากสหรัฐมีแนวโน้มชะลอมาตรการ QE ทำให้การลงทุนกลับทิศทาง โดยเงินที่ไหลเข้ามาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาจะไหลกลับไปยังสหรัฐฯ เพื่อหาผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่ก็มีโอกาสที่เงินทุนจะไหลกลับเข้ามาได้ เนื่องจากประเทศในเอเชียหลายประเทศยังมีสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ในส่วนของไทยเองโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง มีความพร้อม และมีความสามารถ บริษัทจดทะเบียนยังมีผลประกอบการที่ดี และมีความน่าเชื่อถือ ประกอบกับตลาดทุนในประเทศมีความเชื่อถือในระดับสากล สภาพคล่องที่สูง เวลาต่างชาติจะเข้ามาลงทุนเลือกไทยเป็นลำดับแรกๆ
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ปรับลดตัวเลขประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาจากเดิม 5% เหลือแค่ 4.2% เนื่องจากประเมินว่าแรงส่งเศรษฐกิจไทยกำลังแผ่วลงต่อเนื่องโดยอานิสงส์จากนโยบายภาครัฐที่ได้ดำเนินการมาแล้วพักใหญ่ อาทิ นโยบายคืนภาษีรถคันแรก กำลังอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว
  • นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าการส่งสัญญาณถอนมาตรการอัดฉีดเชิงปริมาณ (คิวอี) ของธนาคารกลางสหรัฐจะส่งผลให้ธุรกิจไทยบางส่วนที่มีแผนจะออกไปลงทุนในต่างประเทศอาจชะลอการตัดสินใจออกไป เนื่องจากจะมีต้นทุนทางการเงินในการกู้เงินเหรียญสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น และผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะทำให้ราคาสินทรัพย์ในต่างประเทศแพงขึ้น
  • นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ระบุเฟดส่งสัญญาณลดคิวอี ไม่กระทบไทย สั่งแบงก์ชาติดูแลใกล้ชิด หวั่นค่าบาทผันผวน-เงินทุนไหลออกด้านตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงรับข่าวหลังเฟดระบุชัดชะลอมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องก่อนหยุดกลางปีหน้า "จรัมพร" ชี้แม้ต่างชาติจะขายต่อเนื่องแต่ถือว่าเป็นระดับที่พอรับได้ เชื่อไม่เกิดเหตุการณ์ตื่นเทขายตามมา การันตีหุ้นไทยพื้นฐานแข็งแกร่ง
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้(20 มิ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ส่งสัญญาณหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า เฟดอาจจะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรในปีนี้ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค.ร่วงลง 87.8 ดอลลาร์ หรือ 6.39% ปิดที่ 1,286.2 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) เดือน ส.ค. ขยับขึ้น 14 เซนต์ แตะที่ 95.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) และสัญญาณบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน มิ.ย.ของสหรัฐ ลดลงแตะระดับ 52.2 จากเดือน พ.ค.ที่ระดับ 52.3
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(20 มิ.ย.) หลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่าอาจลดขนาดการซื้อพันธบัตรในปลายปีนี้ นอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นเกินคาดของสหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบเงินเยนที่ระดับ 97.24 เยน จากระดับของวันพุธที่ระดับ 96.41 เยน แต่ขยับลงเล็กน้อยเมื่อเทียบฟรังค์สวิสที่ 0.9278 ฟรังค์ จากระดับ 0.9299 ฟรังค์ ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3196 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3274 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5478 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5486 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9175 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9344 ดอลลาร์สหรัฐ
  • ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เผยดัชนีแนวโน้มธุรกิจในเดือน มิ.ย.พุ่งขึ้นสู่ระดับ 12.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือน เม.ย.54 จาก -5.2 ในเดือน พ.ค. แสดงให้เห็นว่าภาวะทางธุรกิจภาคการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกฟื้นตัวขึ้นในเดือนนี้
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงร่วงลง 370 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,860 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือเทียบเท่ากับ 1,282.93 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 40.02 ดอลลาร์สหรัฐ
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) แนะกลุ่มประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ควรใช้มาตรการรองรับด้านนโยบายเศรษฐกิจอย่างชาญฉลาด เพื่อจัดการกับความปั่นป่วนของตลาด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ประกาศชะลอแผนซื้อพันธบัตรขนานใหญ่อย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • อัตราดอกเบี้ยตลาดเงินของจีนปรับตัวลดลงจากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ หลังมีข่าวธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าระบบ หลังเกิดภาวะสภาพคล่องตึงตัว โดยอัตราดอกเบี้ย repurchase ระยะเวลา 1 วัน ปรับตัวลง 3.84% แตะ 7.90% เมื่อเวลา 9.33 น.ตามเวลาเซี่ยงไฮ้วันนี้ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น หลังราคาพันธบัตรสหรัฐปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 329 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ระดับ 0.875% เพิ่มขึ้น 0.040% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ขณะที่ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปีส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 0.49 จุด แตะระดับ 142.09 ในตลาดหุ้นโตเกียว
  • ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าไหลลงต่อหลังจากเปิดทำการร่วงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,400 จุด กดดัชนีร่วงไปแล้วกว่า 30 จุด ตามทิศทางดาวโจนส์และตลาดในภูมิภาค จากความกังวลของนักลงทุนต่อมาตรการ QE หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะลดขนาด QE ลง หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว จากนั้นยังคงทยอยปรับตัวลงต่อ โดยเมื่อเวลา 09.56 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,377.15 จุด ลดลง 25.04 จุด (-1.79%) และเมื่อเวลา 10.32 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,370.33 จุด ลดลง 31.86 จุด (-2.27%)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ