"นักวิชาการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่า หากชาวนาปฏิบัติตามคำแนะนำในหนังสืออย่างเคร่งครัดอาจช่วยลดต้นทุนได้สูงสุดถึง 3,000 บาทต่อไร่ และขั้นต่ำประมาณ 1,500 บาทต่อไร่" ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้ปรับลดราคารับจำนำข้าวจากเดิม 15,000 บาท/ตัน เหลือ 12,000 บาท/ตัน ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.นี้ ทำให้กลุ่มชาวนาออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน
เบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ จะจัดพิมพ์คู่มือดังกล่าวจำนวน 20,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายให้ชาวนาทั่วประเทศ และเรียกประชุมอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน(อ.ก.ม.)ที่มีอยู่ประมาณ 75,000 คนทั่วประเทศมารับฟังการชี้แจงแนวทางการลดต้นทุนการปลูกข้าว
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาโจมตีว่า ข้าวไทยมีอันตราย กินแล้วอาจเป็นมะเร็งนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง การรมสารในการป้องกันกำจัดแมลงและศัตรูพืชในโรงเก็บที่ไทยใช้อยู่มี 2 ชนิดคือ เมทิลโบรไมด์ (MB) และฟอสฟิน (PHOSFINE) ซึ่งเป็นสารที่ทุกประเทศทั่วโลกกำหนดให้ใช้ตามข้อกำหนดขององค์การค้าโลก(WTO) และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO) ต่อมาได้มีการลงนามในพิธีสารมอนทรีออลเพื่อลดเลิกเมทิลโบรไมด์(MB) เนื่องจากว่าจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจก(GREENHOUSE EFFECTS) ไม่ใช่ว่าจะก่อให้เกิดมะเร็งอย่างที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอ้าง
"คำพูดของนายองอาจที่ว่ากินข้าวไทยแล้วอาจเป็นโรคมะเร็ง ถือเป็นการพูดเรื่อยเปื่อยที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคข้าว ทั้งภายในประเทศและในวงการข้าวโลก ขอถามว่าเหตุใด พรรคประชาธิปัตย์ จึงทำลายประเทศด้วยวิธีการนี้ ทราบหรือไม่ว่าการกระทำของพวกท่านเป็นการทำร้ายชาวนาอย่างร้ายแรง" ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว
ที่ผ่านมารัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ได้ดำเนินการตามพิธีสารมอนทรีออลมาโดยตลอดและได้ลดปริมาณนำเข้าสารเมทิลด์โบรไมด์เหลือเพียง 27 ตัน ในปี 2556(ม.ค.56-มิ.ย.56) ไม่ได้นำเข้าสูงถึง 65% อย่างที่นายองอาจกล่าวหา และเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลประชาธิปัตย์ จะเห็นได้ว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์นำเข้าสารดังกล่าวน้อยลงถึง 21 เท่า จากที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เคยนำเข้าสารดังกล่าวสูงถึง 567 ตัน ในปี 2553
"ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นายองอาจให้ข้อมูลเท็จกับสังคมทั้งในเรื่องปริมาณการนำเข้าสารดังกล่าว และยังโกหกสังคมว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ละเมิดข้อพิธีสารมอนทรีออล ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ความร่วมมือและดำเนินการตามพิธีสารมอนทรีออลจนได้รับการยอมรับจากประเทศเยอรมนีที่เป็นประเทศหลักที่ลงนามตามพิธีสารนี้ และเลือกให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการสนับสนุนนโยบายลดการใช้สารเมทิลโบรไมด์ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน และได้จัดตั้งสำนักงานการลดเลิกการใช้เมทิลโบรไมด์(MB) ขึ้นที่ประเทศไทยด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้พรรคประชาธิปัตย์จะกล่าวหาว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ปฏิบัติตามพิธีสารมอนทรีออลได้อย่างไร การโกหกของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยอย่างไม่น่าให้อภัย" ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว