(เพิ่มเติม) สศค.ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 56 เหลือโต 4.5% จากเดิมคาดโตไม่ต่ำกว่า 4.8%

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 27, 2013 15:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย(GDP)ในปี 56 ลงเหลือ 4.5% จากเดิมคาดการณ์ว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 4.8% หรือคาดการณ์ไว้ในช่วง 4.8-5.8% เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าฟื้นตัวล่าช้ากว่าที่คาด ประกอบกับการใช้จ่ายและการบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวลง

ทั้งนี้ สศค.คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/56 จะเติบโตได้ราว 4% จากนั้นในไตรมาส 3/56 และ 4/56 คาดว่าจะเติบโตได้มากกว่า 4% ซึ่งจะทำให้ทั้งปีนี้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ตามกรอบที่คาดไว้ที่ 4.0-5.0% โดยมีสมมติฐานจากอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 14 ประเทศคู่ค้าหลักในปีนี้อยู่ที่ 3.4% ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 101-111 ดอลลาร์/บาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ 30 บาท/ดอลลาร์ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายเฉลี่ยอยู่ที่ 2.50%

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สศค. ระบุว่า การบริโภคภาคเอกชนในปี 56 คาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากรายได้ภาคครัวเรือนที่คาดว่าจะชะลอลงหลังจากได้รับผลกระทบจากรายได้ภาคเกษตรที่ลดลง ตามราคาสินค้าเกษตรบางรายการ เช่น ยางพารา นอกจากนั้น ประชาชนยังมีฐานการบริโภคสูงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะสินค้าคงทนที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายรถยนต์คันแรก

การลงทุนในภาคเอกชนมีทิศทางชะลอตัวลง โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรที่มีการเร่งลงทุนในปีก่อนหน้านี้ ภายหลังจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 54 คลี่คลายลง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเฉพาะการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ และการลงทุนตามแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่คาดว่าจะเริ่มมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

สำหรับอุปสงค์ภายนอกประเทศนั้น คาดว่าการส่งออกสินค้าและบริการจะเติบโตในอัตราเร่งขึ้นจากปีก่อน โดยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกในภาคบริการที่คาดว่าจะขยายตัวได้ในระดับสูงต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะกลับมาขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวที่ค่อนข้างล่าช้าจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ 14 ประเทศ และทำให้ สศค.ได้ปรับลดการขยายตัวของการส่งออกไทยในปีนี้ลงเหลือ 5.5% จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวได้ 9%

“ปัจจัยที่กระทบแรงๆ ที่ทำให้ สศค.ปรับลด GDP ปีนี้ลงเป็นผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงของ 14 ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ซึ่งดูจากภาพรวมแล้วตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันที่เป็น underperform สศค.จึงปรับลด GDP ปีนี้เหลือ 4.5% โดยมีกรอบที่ 4-5% จากก่อนหน้าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 4.5-5.8%" นายสมชัย กล่าว

พร้อมระบุว่า จุดแข็งที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือ ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี ประกอบกับ เสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศยังมีความแข็งแกร่ง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ 2.5% ลดลงจากเดิมที่คาดไว้ 3.0% ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงตามประมาณการอุปทานน้ำมันที่ลดลงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง

“การใช้นโยบายการเงินโดยใช้เป้าหมายเงินเฟ้อเป็นหลักนั้น ในขณะนั้นไม่มีแรงกดดันให้ดอกเบี้ยต้องกลัวเงินเฟ้อ เพราะเงินเฟ้อไม่ใช่ตัวท้าทายหลักของไทยในปัจจุบันและทั้งปีนี้ ใครที่บอกว่าดอกเบี้ยขาขึ้น สศค.ขอค้าน เพราะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นช่วงขาขึ้นแม้จะมีเงินไหลออกก็ตาม เรายังมั่นใจว่าดอกเบี้ยยังเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทำให้เศรษฐกิจไทยลดการชะลอตัวลงได้" ผอ.สศค.กล่าว

ขณะที่อัตราการว่างงานในปีนี้ คาดว่ายังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.7% ส่วนเสถียรภาพภายนอกประเทศนั้น คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลเล็กน้อยที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 0.5% ของจีดีพี ซึ่งคาดว่าดุลการค้าจะเกิดดุลลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 2,900 ล้านดอลลาร์ ตามมูลค่าสินค้านำเข้าที่คาดว่าจะเร่งตัวกว่ามูลค่าสินค้าส่งออก

“หากต้องการให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ในอัตราสูงกว่าที่คาดการณ์ ภาครัฐต้องเร่งเบิกจ่ายโครงการลงทุนของภาครัฐ ทั้งแผนบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมการส่งออกสินค้าให้เป็นไปตามเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งกระตุ้นการท่องเที่ยวจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 5%" นายสมชัย กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ