โดยเงินกู้ดังกล่าวมีระยะเวลาทยอยชำระคืนต้นเงินกู้ 4 ปีนับจากวันเบิกจ่ายเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยรายปี คำนวณโดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน (FDR) + Spread และสามารถทยอยเบิกจ่ายได้เป็นรายปีงบประมาณโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รัฐบาลนำไปใช้ในการสนับสนุนโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและแผนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบและอนุมัติแล้ว ดังนี้
1.โครงการบริหารจัดการน้ำระยะเร่งด่วน วงเงิน 25,661 ล้านบาท 2.โครงการเพื่อการออกแบบและก่อสร้างระบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน(Conceptual Plan) วงเงิน 291,000 ล้านบาท 3.โครงการจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการ Project Management and Engineering Consultant (PMEC) และ Project Supervision Consultant (PSC)วงเงิน 8,731 ล้านบาท
4.แผนงานสนับสนุนโครงการระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน วงเงิน 4,607 ล้านบาท 5.แผนงานฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าและดิน วงเงิน 10,000 ล้านบาท 6.แผนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ระหว่างปี 2556-2561
การใช้จ่ายเงินกู้ดังกล่าว นอกจากจะเป็นการวางระบบบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยอย่างยั่งยืนแล้ว ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไปได้ภายใต้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยที่กระทรวงการคลังจะดูแลให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใสและตรวจสอบได้
อนึ่ง วานนี้(27 มิ.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุคส่วนตัวโดยให้ความเห็นเรื่องการกู้เงินในโครงการดังกล่าวของรัฐบาลว่า กระทรวงคลังจะกู้เงินไม่ได้จนกว่าสำนักงบประมาณจะอนุมัติแผนการใช้เงินของโครงการต่างๆ ดังนั้นเมื่อศาลปกครองมีคำสั่งว่าโครงการยังอนุมัติไม่ได้ และจากวันนี้ไปไม่มีใครยืนยันได้ว่าโครงการจะผ่านขั้นตอนต่างๆ ได้หรือไม่ หรือจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร สำนักงบประมาณก็ไม่สามารถจะพิจารณาการใช้เงินได้ กระทรวงการคลังก็จัดหาเงินกู้ด้วยการกู้หรือลงนามในสัญญากู้ไม่ได้เช่นเดียวกัน