ดังนั้น จึงไม่น่าส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าข้าวไทยไปยังสหรัฐฯ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว วิธีการพิจารณาออกคำสั่งห้ามนำเข้า หรือการเฝ้าระวังเฉพาะรายสินค้าและรายประเทศของ USFDA ที่อาจนำไปสู่การถูกปฏิเสธการนำเข้านั้น มักเกิดจากการตรวจพบปัญหาที่เกี่ยวกับความปลอดภัยอาหารและการฝ่าฝืนกฎระเบียบของ USFDA ที่มีความผิดร้ายแรง หรือจากเหตุผลสำคัญที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
"ยืนยันได้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเตือนกักกันสินค้าข้าวไทยแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ทางสำนักงานที่ปรึกษาการต่างประเทศประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของคุณภาพข้าวไทย"นายยุคล กล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาไทยยังไม่เคยเกิดกรณีที่ถูกตรวจพบสารตกค้างจนส่งผลให้เกิดการยกเลิกการสั่งซื้อ สำหรับการเสนอข่าวดังกล่าวน่าจะเป็นเพียงการสร้างกระแสที่มุ่งทำลายความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานข้าวไทยเท่านั้น"นายณัฐวุฒิ กล่าว
ปัจจุบันการส่งออกข้าวของไทยจะต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าจากบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (Surveyor)ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ ก่อนส่งออกทุกครั้ง เพื่อให้คุณภาพข้าวส่งออกเป็นไปตามมาตรฐานสินค้าที่กำหนด
พร้อมยืนยันว่า ไทยใช้สารเคมีตามชนิดและปริมาณที่ FAO กำหนดเพื่อฆ่าแมลง และไข่ของแมลงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเท่านั้น และยืนยันว่าการดำเนินการตาม Standard ดังกล่าว ไม่มีปรากฏสารพิษตกค้างแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ตรวจสอบกับสำนักงานผู้แทนพาณิชย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาทุกแห่งแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีคำสั่งดังกล่าว อีกทั้งได้ตรวจสอบข้อมูลกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและกลุ่มผู้นำเข้าข้าวไทย ไม่ปรากฏว่ามีเรื่องดังกล่าว หากมีการตรวจสอบการนำเข้าจากไทยก็เป็นเพียงการสุ่มตรวจตามระเบียบปฏิบัติปกติไม่ได้เพิ่มความเข้มงวดแต่ประการใด
กระทรวงพาณิชย์ได้เน้นย้ำถึงคุณภาพและศักยภาพในการส่งออกข้าวไทยว่า ยังคงเป็นที่เชื่อถือและยอมรับในตลาดโลก รวมทั้ง สหรัฐฯ โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวไปสหรัฐฯ ปริมาณ 130,178 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณ 106,427 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.32 โดยส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิไทย