แต่อย่างไรก็ตาม แม้หนี้ภาคครัวเรือนเร่งตัวขึ้น แต่หนี้ของภาคเอกชนและภาครัฐถือว่ายังไม่สูงมาก
สำหรับภาวะการเคลื่อนย้ายเงินทุนในปีนี้ นายณรงค์ชัย มองว่าการไหลเข้ามาของเงินทุนคงไม่มากเหมือนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาก แต่ปีนี้จะเป็นภาพของการนำเงินออกไปมากกว่า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องและอาจจะชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลง ทำให้นักลงทุนจะการเคลื่อนย้ายเงินกลับไป
นายณรงค์ชัย กล่าวต่อว่า ณ วันนี้เศรษฐกิจไทยในปี 56 น่าจะมีการเติบโตที่ประมาณ 4% โดยในส่วนของดุลบัญชีเดินสะพัดจะเป็นบวก แม้ว่าดุลการค้าจะขาดดุล ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าเป็นระดับสมดุล
"ประมาณการเติบโตที่ 4% เพราะค่าใช้จ่ายในส่วนของการอุปโภคบริโภคปรับตัวลดลง เนื่องจากประชาชนนำเงินไปชำระหนี้ในโครงการบ้านหลังแรกและรถยนต์คันแรก ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้น้อยกว่าการอุปโภคบริโภค ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ 5%"นายณรงค์ชัย กล่าว