สำหรับชาวนาที่จำนำข้าวในราคาที่ตันละ 12,000 บาทไปก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาลจะคืนส่วนต่างจากราคาที่ปรับขึ้นไปใหม่ ซึ่งคาดว่ามีจำนวนไม่มากนัก
"จากปัจจัยดังกล่าวนี้พอที่จะช่วยกลับมาเข้าสู่สมดุลที่จะมาช่วยเหลือชาวนาได้"นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลหน้านั้น กขช.จะมีการพิจารณาราคารับจำนำข้าวใหม่ โดยยอมรับว่าหากตัวเลขราคารับจำนำข้าวสามารถอิงกับราคาตลาดโลกได้ รัฐบาลก็อยากจะให้คงราคาเดิม แต่ กขช.ต้องคำนึงถึงหลักความสมดุลด้วย
"หากราคาข้าวสอดคล้องกับราคาตลาดโลก ประชาชนสามารถปลูกข้าวได้ราคาที่ดี รัฐบาลก็อยากจะคงราคา 15,000 บาทต่อตันให้ แต่หากมีส่วนต่างมากเกินไปก็จะขอพิจารณาใหม่"นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์โครงการรับจำนำข้าวแยกแยะความไม่โปร่งใสของโครงการเกิดจากอะไร โดยขอให้แยกเป็น 3 ส่วน คือ 1.เกิดจากตัวนโยบาย 2.เกิดจากขั้นตอนการปฏิบัติ หรือ 3.ตัวผู้ปฏิบัติงาน เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกจุดและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ชี้แจงว่า การที่กลับมาใช้ราคารับจำนำข้าวที่ 15,000 บาท เนื่องจากขณะนี้ได้มีการรวบรวมตัวเลขการขึ้นทะเบียนทั้งหมดแล้ว และเมื่อมีการนำมาทบทวน ประกอบกับนำข้อเสนอของชาวนา และเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทุกภาคส่วนจึงนำมาสู่การเปลี่ยนนโยบายการรับจำนำข้าวกลับมาที่ราคา 15,000 บาท/ตัน
"เป็นการสะท้อนว่าสังคมให้การสนับสนุนนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล ว่าเป็นนโยบายที่ดี ส่วนที่มีการปรับลดราคาลงไปที่ 12,000 บาท/ตันนั้น สาเหตุหนึ่งคือเพื่อรักษาสมดุล 4 ประการ คือ 1. การดูแลความเป็นอยู่ชาวนา 2. การรักษาสมดุลเรื่องกลไกตลาดโลก 3.การรักษาสมดุลด้านวินับการคลังของประเทศ 4.การรักษาสมดุลเรื่องการพัฒนาคุณภาพการผลิตข้าว อีกทั้ง สังคมมีความกังวลว่าราคา 15,000 บาท/ตันไม่สะท้อนกลไกตลาดโลก" นายกิตติรัตน์ กล่าว
ขณะที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในการพิจารณานโยบายรับจำนำข้าวในฤดูกาลต่อไปจะเชิญตัวแทนชาวนาให้เข้ามามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลด้วย
นอกจากนี้ การกำหนดราคารับจำนำข้าวในฤดูกาลหน้าจะทำควบคู่กับการระบายข้าวที่ยังเหลืออยู่ในสต็อก ซึ่งได้รับความรร่วมมือเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้ส่งออกข้าวในการจะผลักดันการระบายข้าวสู่ตลาด
นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เสนอว่า ควรจะถือโอกาสในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยนราคารับจำนำข้าวปรับปรุงกระบวนการต่างๆในการรับจำนำข้าวให้มีความโปร่งใสมากขึ้น เพื่อให้สังคมยอมรับและเห็นความชัดเจน