ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 100.59 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 99.72 เยน, ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9506 ฟรังค์ จากระดับ 0.9456 ฟรังค์ และแข็งค่าขึ้นแตะ 1.0541 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.0501 ดอลลาร์แคนาดาเมื่อวันก่อน
ค่าเงินยูโรอ่อนลงแตะระดับ 1.2977 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3059 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5154 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5208 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะระดับ 0.9146 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9231 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินเยน ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งใช้เทียบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับตะกร้าสกุลเงินอื่นๆ ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานในสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนพ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2%
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ภาคการผลิตของสหรัฐกำลังฟื้นตัว โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยในวันเดียวกันว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 3.6% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3% ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนมิ.ย.ขยายตัวแตะ 50.9 จาก 49.0 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตสหรัฐมีการขยายตัว
นอกจากนี้ ผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนมิ.ย.ลดลงแตะ 51.9 จาก 52.3 ในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตยังมีการขยายตัว
เจเรมี สไตน์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถึงความเป็นไปได้ที่เฟดอาจพิจารณาลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรในการประชุมกำหนดนโยบายเดือนก.ย.นี้