ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวในต่างประเทศ (outbound travelers) ในปี 2012 มีจำนวน 83.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า จะคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกราว 15% เป็นประมาณ 94 ล้านคนในปี 2013 นี้ และที่สำคัญคือประมาณ 90% ของจำนวนดังกล่าวนั้นเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในเอเชีย ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้น ในไตรมาสแรกปี 2013 ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และกลายเป็นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับหนึ่งของไทยแทนที่ชาวมาเลเซียไปแล้วตั้งแต่ในปี 2012 ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มหลักเดิมอย่างชาวยุโรปและอเมริกา
นอกจากจะส่งผลดีในเชิงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมากแล้ว ด้วยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวของชาวจีนที่มาเมืองไทยไม่มีรูปแบบของฤดูกาล (seasonality) จึงคาดว่าจะมีแนวโน้มส่งผลดีมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเชิงที่จะสามารถทำการตลาดและสร้างรายได้มากขึ้นในช่วงไตรมาสสองและสามซึ่งเป็น low season ของไทยมาโดยตลอด
"การขยายตัวของนักท่องเที่ยวจีนขึ้นมาเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับหนึ่งของไทยมีแนวโน้มส่งผลให้การท่องเที่ยวไทยมีผลจากฤดูกาล (seasonality) น้อยลง เพราะนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปี และคาดว่าจะส่งผลดีต่อโรงแรมราคาระดับปานกลางมากขึ้น จากเดิมที่เป็นประโยชน์กับโรงแรมระดับประหยัดเป็นส่วนใหญ่" เอกสาร ศูนย์วิจัยฯ ระบุ
การที่ชาวจีนเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยครั้งขึ้น และความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ยกระดับจากทัวร์เร่งรีบ จะส่งผลดีต่อโรงแรมระดับกลางมากขึ้นจากเดิมที่มองหาโรงแรมระดับประหยัดเป็นหลัก โดยสัดส่วนชาวจีนที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรกลดลงเหลือ 59% ในปี 2012 จากราว 64% ในปี 2011 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปท่องเที่ยวมากกว่าหนึ่งครั้งส่งผลให้พฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปจากการที่นักท่องเที่ยวรู้ว่าตนเองต้องการอะไรมากขึ้น และเริ่มไม่ชอบแพคเกจทัวร์เร่งรีบ (quick tour) ที่ตารางการเดินทางและกิจกรรมค่อนข้างมากและมีเวลาในแต่ละกิจกรรมค่อนข้างน้อย โดยรายงานของจีน แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวจีนมีความรู้เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางมากขึ้นและเริ่มมีความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น การเริ่มไปท่องเที่ยวต่างประเทศบ่อยครั้งมากขึ้นจึงเริ่มเห็นความต้องการห้องพักระดับราคาปานกลางมากขึ้น จากเดิมที่มักจะเน้นราคาประหยัด นอกจากนี้บริษัทตัวแทนจัดการการท่องเที่ยวเริ่มเห็นพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงในแนวทางดังกล่าวจากสัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการแพคเกจทัวร์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น (richer experiences) เพิ่มขึ้นเป็น 38% ในปี 2012 จากเพียง 18% ในปี 2008 และนักท่องเที่ยวนิยมแพคเกจทัวร์เร่งรีบน้อยลง ทั้งนี้ จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนในไทยยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่
ทั้งนี้ SCB EIC คาดว่า ราคาห้องพักโรงแรมโดยเฉลี่ยทั้งปีน่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลดีต่อรายได้โรงแรมที่สามารถดึงดูดตลาดนักท่องเที่ยวจีนได้ดี เนื่องจากเดิมทีราคาห้องพักจะค่อนข้างลดลงต่ำมากในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปีมีแนวโน้มที่จะช่วยยกระดับราคาห้องพักในช่วงไตรมาสสองและสามของโรงแรมในไทย และส่งผลให้ราคาห้องพักเฉลี่ยโดยรวมของโรงแรมเพิ่มขึ้นได้
นอกจากนี้ โรงแรมระดับประหยัดมีแนวโน้มที่จะต้องยกระดับคุณภาพมากขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่มีความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของความสะอาดและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะสอดรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยวจีน โดยคำนึงถึงวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของชาวจีนและเรื่องของประสิทธิภาพในการบริหารเวลา
อุปกรณ์ในห้องพักควรมีการปรับเปลี่ยนไปตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ชาและกาต้มน้ำเริ่มกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีในห้องพัก โดยในบรรดาสิ่งอำนวยความสะดวกสบายในห้องพักที่นักท่องเที่ยวชาวจีนต้องการนั้นค่อนข้างสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมของชาวจีนและความต้องการใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพ โดยเครื่องต้มชาและกาแฟกลายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวจีนให้ความสำคัญมากที่สุด
ในขณะที่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ไฮเทครวมถึงโทรทัศน์ในห้องพักค่อนข้างน้อย ความต้องการใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพยังสะท้อนให้เห็นจากผลสำรวจเกี่ยวกับอุปกรณ์ในห้องน้ำที่ต้องการ โดยนักท่องเที่ยวจีนเห็นว่าอ่างล้างหน้าแบบคู่ (dual sinks) และฝักบัวอาบน้ำเป็นสิ่งที่ต้องการเพื่อที่จะลดเวลารอคอยการใช้ห้องน้ำ
อย่างไรก็ตาม แม้นักท่องเที่ยวจีนจะมีความต้องการเครื่องอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างสอดคล้องกับชีวิตและวัฒนธรรมจีน แต่สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจีนไม่ต้องการคือการออกแบบและตกแต่งโรงแรมในสไตล์จีน โดยให้เห็นผลว่าต้องการเห็นความแตกต่างจากโรงแรมที่เห็นอยู่ในประเทศจีน
ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวในต่างประเทศ (outbound travelers) ในปี 2012 มีจำนวน 83.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า จะคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกราว 15% เป็นประมาณ 94 ล้านคนในปี 2013 นี้ และที่สำคัญคือประมาณ 90% ของจำนวนดังกล่าวนั้นเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในเอเชีย
ด้วยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวของชาวจีนที่มาเมืองไทยไม่มีรูปแบบของฤดูกาล (seasonality) จึงคาดว่าจะมีแนวโน้มส่งผลดีมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเชิงที่จะสามารถทำการตลาดและสร้างรายได้มากขึ้นในช่วงไตรมาสสองและสามซึ่งเป็น low season ของไทยมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการของนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวต่างประเทศจะใช้จ่ายเป็นค่าห้องพักเพียงราว 15% ของรายจ่ายที่ใช้ท่องเที่ยวทั้งหมด อีกทั้ง สัดส่วนนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายต่อทริปสูงเกิน 25,000 บาทนั้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงค่อนข้างส่งผลดีต่อโรงแรมระดับกลางถึงล่าง โดยค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวประเทศไทยนั้นเฉลี่ยอยู่ประมาณ 5,000 บาทต่อวันต่อคน แสดงว่าจะใช้จ่ายเป็นค่าห้องพักโดยเฉลี่ยเพียงราว 750 บาทต่อคืน ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากแถบตะวันตกมักใช้จ่ายเป็นค่าห้องพักโรงแรมราว 30% ของค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้นผลสำรวจโดยเวบไซต์ให้บริการจองห้องพักออนไลน์ชื่อดังแสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวจีนให้ความสำคัญกับห้องพักไม่มากนัก โดยราคาห้องพักต่อคืนที่นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายเมื่อเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 172 ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับชาวญี่ปุ่นและออสเตรเลียที่ใช้จ่ายประมาณ 190 และ 180 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคืน ตามลำดับ นอกจากนี้ China Tourism Academy ยังได้ทำการสำรวจและยืนยันว่านักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่มักไม่ต้องการพักในโรงแรมระดับหรูหรา แต่จะเลือกโรงแรมระดับประหยัดหรือราคาปานกลางมากกว่า เพื่อสามารถนำเงินไปจับจ่ายซื้อสินค้าแบรนด์เนมได้มากขึ้น ทั้งนี้ สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวหลักๆ ยังคงเป็นค่าจับจ่ายซื้อสินค้าประมาณ 34% และค่าเดินทางประมาณ 22%
อย่างไรก็ตาม การที่ชาวจีนเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยครั้งขึ้นจึงเริ่มเห็นความต้องการห้องพักระดับราคาปานกลางมากขึ้น จากเดิมที่มักจะเน้นราคาประหยัด นอกจากนี้บริษัทตัวแทนจัดการการท่องเที่ยวเริ่มเห็นพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงในแนวทางดังกล่าวจากสัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการแพคเกจทัวร์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น (richer experiences) เพิ่มขึ้นเป็น 38% ในปี 2012 จากเพียง 18% ในปี 2008 และนักท่องเที่ยวนิยมแพคเกจทัวร์เร่งรีบน้อยลง ทั้งนี้ จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนในไทยยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่
อุปกรณ์ในห้องพักควรมีการปรับเปลี่ยนไปตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ชาและกาต้มน้ำเริ่มกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีในห้องพัก โดยในบรรดาสิ่งอำนวยความสะดวกสบายในห้องพักที่นักท่องเที่ยวชาวจีนต้องการนั้นค่อนข้างสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมของชาวจีนและความต้องการใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพ โดยเครื่องต้มชาและกาแฟกลายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวจีนให้ความสำคัญมากที่สุด ในขณะที่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ไฮเทครวมถึงโทรทัศน์ในห้องพักค่อนข้างน้อย ความต้องการใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพยังสะท้อนให้เห็นจากผลสำรวจเกี่ยวกับอุปกรณ์ในห้องน้ำที่ต้องการ โดยนักท่องเที่ยวจีนเห็นว่าอ่างล้างหน้าแบบคู่ (dual sinks) และฝักบัวอาบน้ำเป็นสิ่งที่ต้องการเพื่อที่จะลดเวลารอคอยการใช้ห้องน้ำ อย่างไรก็ตาม แม้นักท่องเที่ยวจีนจะมีความต้องการเครื่องอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างสอดคล้องกับชีวิตและวัฒนธรรมจีน แต่สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจีนไม่ต้องการคือการออกแบบและตกแต่งโรงแรมในสไตล์จีน โดยให้เห็นผลว่าต้องการเห็นความแตกต่างจากโรงแรมที่เห็นอยู่ในประเทศจีน
ดังนั้น คาดว่าราคาห้องพักโรงแรมโดยเฉลี่ยทั้งปีน่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลดีต่อรายได้โรงแรมที่สามารถดึงดูดตลาดนักท่องเที่ยวจีนได้ดี เนื่องจากเดิมทีราคาห้องพักจะค่อนข้างลดลงต่ำมากในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปีมีแนวโน้มที่จะช่วยยกระดับราคาห้องพักในช่วงไตรมาสสองและสามของโรงแรมในไทย และส่งผลให้ราคาห้องพักเฉลี่ยโดยรวมของโรงแรมเพิ่มขึ้นได้