เงินบาทเปิดตลาด 31.43/45 ทรงตัว รอความชัดเจนผลประชุมกนง.พรุ่งนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 9, 2013 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.43/45 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ แต่ยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค
"เปิดตลาดเช้านี้ทรงตัวนิ่งๆ ใกล้เคียงกับช่วงเย็นวานนี้...น่าจะรอดูผลประชุม กนง.วันพรุ่งนี้" นักบริหารเงิน กล่าว

ปัจจัยภายนอกเป็นเรื่องความคืบหน้าการดำเนินมาตรการ QE ของสหรัฐ ส่วนปัจจัยภายในรอผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันพรุ่งนี้(10 ก.ค.)

นักบริหารเงินประเมินทิศทางเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 31.35-31.50 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็วหลังดอลลาร์กลับมาปรับตัวแข็งค่าต่อเนื่อง"
  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.17/18 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 101.07 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2857/2860 ดอลลาร์/ยูโร ทรงตัวในระดับเดียวกันกับช่วงเย็นวานนี้
  • อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.วันนี้อยู่ที่ 31.4230 บาท/ดอลลาร์
  • บล.เอเซียพลัส ประมาณการกำไรกลุ่มแบงก์งวดครึ่งปีแรกคาดโต 25% แตะระดับ 1.07 แสน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน 1.28 แสนล้านบาท ส่วนไตรมาส 2 ปีนี้กำไรยังโต 26% และทำสถิติสูงสุด โดยเฉพาะ"ทุนธนชาต-เกียรตินาคิน-กรุงศรีฯ"เหตุรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยับ ยอดสินเชื่อสุทธิเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มทั้งเอกชนและเอสเอ็มอี ประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง หวังโครงการลงทุนรัฐช่วยดัน
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแม้สถาบันการเงินต่างชาติบุกไทย มั่นใจแบงก์ไทยแข่งแกร่งรองรับการแข่งขันสูงขึ้นได้ ไม่จำเป็นควบรวมกิจการหรือหาพันธมิตรต่างชาติใหม่ ส่วนการสยายปีกออกไปนอกประเทศควรหนักแน่นและค่อยๆ แนะควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าหาของใหม่เข้าสู่ระบบ
  • นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทยและประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะยังเติบโตได้ 4.5-5% แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ไทยจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านการส่งออกที่อาจชะลอตัวลงตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าและต้องเผชิญความเสี่ยงในด้านตลาดเงินและตลาดทุนที่จะเข้าสู่ภาวะผันผวน ตามการส่งสัญญาณเปลี่ยนแนวทางการดูแลเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ เช่นสหรัฐและจีน
  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(8 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสกุลเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 100.98 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 101.18 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9634 ฟรังค์ จากระดับ 0.9636 ฟรังค์

ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2875 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2831 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4949 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4901 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.9142 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9066 ดอลลาร์สหรัฐ

  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้(8 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะยังคงฟื้นตัว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า พรรคการเมืองของโปรตุเกสได้บรรลุข้อตกลงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วม
  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้(8 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงอัลโค อิงค์ ซึ่งจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากที่ตลาดปิดทำการซื้อขายแล้ว
  • ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะฟื้นตัวแข็งแกร่งและราคาหุ้นในปัจจุบันถือเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาด
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้(8 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไร หลังจากสัญญาทองคำดิ่งลงไปกว่า 3% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค.พุ่งขึ้น 22.2 ดอลลาร์ หรือ 1.83% ปิดที่ 1,234.9 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับตัวเลขจ้างงานที่สูงเกินคาดของสหรัฐ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ลดลง 8 เซนต์ ปิดที่ 103.14 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 102.13-104.12 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน ส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 29 เซนต์ ปิดที่ 107.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน(NBS) เผยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยายตัว 2.7% ในเดือน มิ.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.1% ในเดือน พ.ค ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระดับค้าส่ง ปรับลดลง 2.7% ในเดือน มิ.ย.เมื่อเทียบรายปี เมื่อเทียบกับที่ลดลง 2.9% ในเดือน พ.ค.
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงพุ่งขึ้น 100 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,530 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือเทียบเท่ากับ 1,247.23 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.82 ดอลลาร์สหรัฐ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ