นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมนำข้าวในสต็อกเข้าทำการซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(AFET) จำนวน 500,000-1,000,000 ตัน ภายใน 6 เดือน พร้อมทั้งผลักดันและเร่งรัดการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(G to G)
สำหรับการขายข้าวในสต๊อกรัฐแบบรัฐต่อรัฐ(G to G) นั้นยังไม่ได้กำหนดปริมาณที่แน่นอน แต่จะเร่งรัดให้ประเทศผู้ซื้อที่ทำสัญญาซื้อขายกับรัฐบาลไทยไปแล้วมารับมอบโดยเร็ว เพื่อจะได้นำเงินมาส่งคืนกระทรวงการคลังต่อไป ส่วนประเทศที่ทำบันทึกความตกลง(MOU) ว่าจะซื้อข้าวจากไทย เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ จีน ฯลฯ นั้น ตนเองและนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ จะเดินทางไปเยือนเพื่อเร่งรัดให้นำเข้าข้าวจากไทยโดยเร็วตามที่ตกลงกันไว้
พร้อมกันนั้น ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวยังอนุมัติในหลักการให้นำข้าวหอมมะลิไปบรรจุถุงขายเป็นของฝาก ของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการพัฒนาตลาดข้าวของไทย สร้างภาพลักษณ์ข้าวหอมมะลิไทยให้ทั่วโลกได้รู้จัก และคุ้นเคยมากขึ้น
ด้านนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงการคืนเงินจากการขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้กับกระทรวงการคลัง ว่า กรมการค้าต่างประเทศได้รายงานว่าตั้งแต่เดือน ม.ค.56 จนถึงขณะนี้ คืนเงินไปแล้วเกือบ 70,000 ล้านบาท และหากรวมกับการขายตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนจนถึงขณะนี้ คืนเงินไปแล้วกว่า 139,000 ล้านบาท จากการขายข้าวแบบจีทูจีราว 4.5 ล้านตัน
ส่วนนางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับจีนอีก 5 ล้านตัน ภายใน 3 ปี จากปีก่อนหน้าที่ทำสัญญาจีทูจีไปแล้ว 7.3 ล้านตัน ส่งผลให้ตั้งแต่ปลายปี 54 จนถึงขณะนี้ ไทยทำสัญญาแบบจีทูจีไปแล้วราว 12.3 ล้านตัน และคาดว่า ภายในปีนี้น่าจะทำสัญญาได้เพิ่มมากขึ้น