โดยจะมีการประกันการสูญหาย หากสูญหายจริงจะชดใช้ชิ้นละไม่เกิน 2,000 บาท พร้อมทั้งตรวจสอบสถานะของสิ่งของได้ตลอดเส้นทางผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนด้วยแอพ TrackK&Trace และเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ จะโทรนัดหมายผู้รับ พร้อมโทรแจ้งผู้ส่งเมื่อผู้รับได้รับของแล้ว
นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า แอร์เอเชียได้รับหน้าที่ขนส่งสิ่งของจากบริการอีเอ็มเอส ซุปเปอร์ สปีด ไปกับเที่ยวบินในช่วง 14.00 น.ของทุกวัน โดยจะนำจ่ายใน 3 เมืองใหญ่ คือ เชียงใหม่, หาดใหญ่ และภูเก็ต ในเขตหัวเมืองก่อน จากนั้นไปรษณีย์จะรับหน้าที่ส่งต่อถึงมือผู้รับในวันเดียวกัน
ทั้งนี้บริการ อีเอ็มเอส ซุปเปอร์ สปีด ส่งได้สูงสุดถึง 20 กิโลกรัม จะเริ่มให้บริการในวันที่ 15 ก.ค.นี้ ผ่านที่ทำการไปรษณีย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 17 แห่ง ได้แก่ ปณ.สามเสนใน จตุจักร หลักสี่ คลองจั่น รังสิต คลองหลวง จรเข้บัว ลาดพร้าว นนทบุรี ปณก.พระโขนง ยานนาวา อ่อนนุช บางนา รองเมือง เคาน์เตอร์ท่าอากาศยานดอนเมือง และภูมิภาคในเขตอำเภอเมืองของจ.เชียงใหม่, ภูเก็ต และอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา รวมถึงที่ทำการไปรษณีย์ ณ ท่าอากาศยานของทั้ง 3 จังหวัด โดยจัดโปรโมชั่นราคาค่าบริการพิเศษเริ่มต้น 300 บาทในน้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัมต่อชิ้น ในวันที่เปิดให้บริการถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะเป็นราคาปกติเริ่มต้นที่ 350 บาท
สำหรับกลุ่มเป้าหมายจะเน้นไปยังกลุ่มธุรกิจ e-commerce เช่น สินค้าแฟชั่น กระเป๋า รองเท้า กลุ่มผู้จำหน่ายอุปกรณ์ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เช่น กล้องถ่ายรูป กลุ่มโรงพยาบาลคลินิก ผู้ที่ต้องการส่งสิ่งของประเภทยา และสินค้าเพื่อสุขภาพ และ Lab ที่ให้บริการสิ่งตรวจทางการแพทย์ เช่น การส่งตัวอย่างเลือดหรือชิ้นเนื้อ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวต่อว่า การเติบโตของธุรกิจ อีเอ็มเอส ซุปเปอร์ สปีด มองว่ายังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากรอดูความชัดเจนในช่วง 3 เดือนแรกว่ามีความต้องการส่งสินค้ามากน้อยเพียงใด ซึ่งหลังจากนั้นจะกำหนดได้ว่าจะเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้รายได้จากธุรกิจนี้จะไม่สูงมากนัก ก็ยังพอมีกำไรบ้าง ซึ่งอาจจะเข้ามาชดเชยในเรื่องของน้ำมัน
นอกจากนี้รายได้จากการบริการขนส่งสินค้า(CARGO) มองว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยโดยจากเดิมอยู่ที่ 200 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 16%จากรายได้ทั้งหมด โดยเป็นการเติบโตตามจำนวนเที่ยวบิน
สำหรับครึ่งปีหลัง แม้เศรษฐกิจโลกยังมีการชะลอตัว แต่มองว่าจะไม่กระทบต่อธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำของเราอย่างแน่นอน เนื่องจากมองวิกฤตเป็นโอกาส เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีประชาชนที่ต้องการจะเดินทางก็จะต้องมองหาตั๋วราคาถูก ซึ่งก็จะเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น เรื่องของราคาน้ำมันมองว่าค่อนข้างนิ่ง และการเมืองในประเทศด้วย จึงไม่มีอะไรน่ากังวลในครึ่งปีหลังนี้
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะเติบโต 20-25% จำนวนผู้โดยสารเติบโตเป็น 10 ล้านคน จาก 8 ล้านคนในปีก่อน และ Load Factor เฉลี่ยอยู่ที่ 82% เนื่องจากการท่องเที่ยวในประเทศมองว่าค่อนข้างดี ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ซึ่งแอร์เอเชียมีแผนที่จะเปิดเส้นทางบินไปประเทศจีน แต่ยังไม่สรุปว่าจะไปเมืองใด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น