นายกฯ ขันน็อตหน่วยงานศก.เร่งขจัดอุปสรรคทางการค้าไทย หนุนส่งออกโต

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 12, 2013 14:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ(กนศ.)ที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเป็นประธาน ซึ่งการประชุม กนศ.มีเรื่องพิจารณา 4 ประเด็นหลักคือ 1.ความคืบหน้าการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2.การให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด 3.การผลักดันแก้ไขปัญหาการส่งออกไก่สดแช่แข็งไปญี่ปุ่น 4.ปัญหาการจดทะเบียนเรืออวนลากที่มีผลกระทบต่อการส่งออก

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีย้ำว่า กนศ.ควรมีบทบาทในการดูความคืบหน้าการเจรจาเปิดเสรีการค้า หรือ FTA เพื่อให้ทุกหน่วยงานเห็นความก้าวหน้า ตลอดจนการรู้เท่าทันการเจรจาเปิดเสรีการค้า เพื่อทำให้ภาครัฐได้ไปรวมมือกับภาคเอกชนในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของไทย

โดยได้มอบหมายให้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ไปประสานกับสถานเอกอัครราชทูต และทูตพาณิชย์ทั่วโลก เพื่อให้รับทราบถึงอุปสรรคทางการค้าของไทยในเวทีต่างประเทศ เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขต่อไป

กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานว่า แม้ว่าใกล้การเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)แล้ว แต่ประเทศสมาชิกยังมีการใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีระหว่างกัน เช่น อินโดนีเซียยังควบคุมการนำเข้าสินค้าพืชสวน ซึ่งต้องขออนุญาต,กำหนดโควต้า จำกัดจุดนำเข้า โดยสินค้าเกษตรไทยที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการไม่ใช่ภาษีของอินโดนีเซีย คือ หอมแดง, ทุเรียน, ลำไย ที่ถูกควบคุมปริมาณการนำเข้า และจำกัดจุดนำเข้า ขณะที่ฟิลิปปินส์ยังคงห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสดจากไทย โดยอ้างเรื่องไข้หวัดนก ทำให้ในปัจจุบันไก่ไทยยังไม่สามารถส่งเข้าฟิลิปปินส์ได้

นอกจากนี้ ที่ประชุม กนศ.ได้หารือถึงการอำนวยความสะดวกสินค้าผ่านแดนอาเซียน ที่ทุกประเทศต้องให้สัตยาบันในพิธีสาร 9 ฉบับ แต่ไทยยังไม่ลงนามถึง 3 ฉบับ ทำให้ล่าช้า โดยพิธีสารสินค้าผ่านแดนที่ไทยยังไม่ลงนามคือ พิธีสารที่ 2 เรื่องการกำหนดที่ทำการพรมแดนเข้าออก พิธีสารที่ 7 เรื่องระบบศุลกากรผ่านแดน และพิธีสารที่ 9 สินค้าอันตราย ทำให้นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำหนดเส้นตายการลงนามในพิธีสารอำนวยความสะดวกสินค้าผ่านแดนอาเซียน ควรเสร็จภายในปีหน้า ซึ่งกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เสริมว่าการเร่งให้สัตยาบันในพิธีสารว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งยิ่งเร็วเท่าใด จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกของไทยมากขึ้นเท่านั้น

ที่ประชุม กนศ.ยังได้พิจารณาการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด หรือ LEAST DEVELOPED COUNTRIES ( LDCs ) เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพของประเทศเหล่านี้ โดยพบว่า สินค้าที่ไทยนำเข้าจาก LDCs เป็นสินค้าเกษตร 1,227 รายการ สินค้าอุตสาหกรรม 959 รายการ คิดเป็นมูลค่าที่ไทยนำเข้ารวม 15,107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เพื่อเป็นการป้องการกันสวมสิทธิ์ในการนำเข้าสินค้าจาก LDCs ทางไทยจึงจะมีการประกาศใช้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าว่าต้องใช้วัตถุดิบในประเทศผู้รับสิทธิ์ทั้งหมด ทั้งนี้ในการให้สิทธิพิเศษแก่ LDCs ถือว่าเป็นอีกก้าวของประเทศไทยที่บ่งชี้ว่าฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศมีความแข็งแกร่ง ซึ่งถึงเวลาที่ไทยจะต้องช่วยเหลือประเทศที่ด้อยกว่าบ้าง

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ที่ประชุม กนศ.ขอให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ ติดตามการส่งไก่แช่แข็งของไทยไปญี่ปุ่น ที่ยังคงห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสดจากไทยตั้งแต่ปี 2547 โดยอ้างว่าประเทศไทยมีการติดเชื้อไข้หวัดนก ทั้งๆ ที่ประเทศไทยปลอดเชื้อไข้หวัดนกตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.51 แล้ว ซึ่งนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้ส่งเอกสารเกี่ยวกับการพิจารณาขอให้ญี่ปุ่นยกเลิกนำเข้าไก่สดแช่แข็งของไทยส่งให้ทางญี่ปุ่นครบแล้ว โดยญี่ปุ่นยังอยู่ระหว่างพิจารณา

อย่างไรก็ตาม กนศ.ได้มีการหารือว่า ควรจะมีการจดทะเบียนเรืออวนลากเพิ่มหรือไม่ เพราะกระทบต่อประมงพื้นบ้าน แต่ผู้ประกอบการอยากให้จดเพิ่มขึ้น เพื่อส่งออกได้มากขึ้น นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมทรัพยากรชายฝั่ง และตำรวจน้ำ หารือเรื่องการจดทะเบียนเรือประมง การใช้เครื่องมือประมงให้รัดกุม ก่อนนำกลับมาหารือต่อไปในครั้งหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ