BOI รุกส่งเสริมแผนลงทุนไทยในต่างประเทศ ขยายความร่วมมือ 6 ชาติอาเซียน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 17, 2013 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยถึงแผนส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ ว่า บีโอไออยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของประเทศสมาชิกอาเซียน 6 ประเทศ คือ เมียนมาร์, ลาว, เวียดนาม, กัมพูชา, อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ เพื่อร่วมมือกันสนับสนุนการลงทุนตามข้อตกลงความร่วมมือ(เอ็มโอยู)เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการส่งเสริมการลงทุนร่วมกันให้มีผลในทางปฏิบัติมากยิ่งขึ้น เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและสนับสนุนการค้าการลงทุน, การแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี และการจัดโครงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ระดับปฎิบัติการร่วมกัน เป็นต้น

โดยบีโอไอจะจัดกิจกรรมนำร่องความร่วมมือดังกล่าวด้วยการจับมือกับประเทศเมียนมาร์ จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของไทยและเมียนมาร์ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการส่งเสริมการลงทุนร่วมกันภายในเดือนกันยายน 25556 นี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เจ้าหน้าที่บีโอไอของเมียนมาร์นำสิ่งที่ได้จากกิจกรรมดังกล่าว ไปปรับใช้เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการนักลงทุนจากประเทศไทยได้ต่อไป

นอกจากนี้ บีโอไอยังจะเดินหน้าประสานความร่วมมือกับพันธมิตรจากหน่วยงานภาคเอกชนของไทย เช่น ธนาคารพาณิชย์, สมาคมผู้ผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรม รวมถึงข้อมูลข่าวสารสำหรับผู้ประกอบการที่จะเข้าไปศึกษาลู่ทางการลงทุนในกลุ่มประเทศเป้าหมาย

นายโชคดี กล่าวด้วยว่า บีโอไอจะจัดให้มี "หน่วยส่งเสริมการลงทุนเคลื่อนที่" โดยจะจัดหาบริษัทที่ปรึกษามาร่วมกันทำงานกับเจ้าหน้าที่บีโอไอ เพื่อให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย รวมถึงให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่นักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศเป้าหมาย 3 ประเทศ คือ เมียนมาร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในเดือนสิงหาคม 2556

ด้านนางศิริพร นุรักษ์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ บีโอไอ กล่าวว่า หลังจากที่บีโอไอได้เปิด "ศูนย์ข้อมูลการลงทุนไทยในต่างประเทศ" (Thailand Overseas Investment Centerหรือ TOI Center) ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางด้านข้อมูลเชิงลึก และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศ และให้บริการตั้งแต่ปลายปี 2555 จนถึงปัจจุบัน มีนักธุรกิจไทยสนใจขอรับข้อมูล และขอคำปรึกษาถึงการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเป็นจำนวนมากหลายร้อยบริษัท โดยกลุ่มที่สนใจสอบถามข้อมูลส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต เช่น บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ บริษัทผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก บริษัทผลิตหนังเทียม บริษัทผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และอาหารแปรรูป เป็นต้น

ล่าสุด มีนักธุรกิจไทยที่สนใจและแจ้งถึงการตัดสินใจเข้าไปลงทุนในประเทศเป้าหมาย ได้แก่ เมียนมาร์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และเวียดนาม แล้วรวมจำนวน 86 บริษัท โดยมีผู้ประกอบการจำนวน 41 บริษัทที่เข้าไปลงทุนแล้ว ขณะที่มีผู้คาดว่าจะไปลงทุนภายใน 1 ปีจากนี้จำนวน 11 บริษัท บริษัทที่คาดว่าจะเข้าไปลงทุนภายใน 2 ปี จำนวน 20 บริษัท บริษัทที่คาดว่าจะเข้าไปลงทุนภายใน 3 ปี จำนวน 9 บริษัท และมี 5 บริษัทที่คาดว่าจะไปลงทุนภายใน 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังโครงการของนักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในกลุ่มประเทศแอฟริกาแล้ว ได้แก่ โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง และโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่ประเทศไนจีเรีย โครงการก่อสร้างบ้านจัดสรรที่ประเทศเคนยา และกิจการโรงแรมที่มาดากัสกา เป็นต้น

สำหรับแผนงานส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศในปี 2556-2557 นั้น บีโอไอจะจัดกิจกรรมพาคณะนักลงทุนไทยไปสำรวจลู่ทางการลงทุนในต่างประเทศประมาณ 20 ครั้งใน 3 กลุ่มประเทศ ได้แก่ 1.กลุ่มประเทศเป้าหมายหลัก คือ อินโดนีเซีย, เมียนมาร์, เวียดนาม, กัมพูชา กลุ่มที่สอง จีน, อินเดีย และชาติอาเซียนอื่นๆ และกลุ่มที่สาม กลุ่มประเทศตลาดใหม่ ได้แก่ เอเชียใต้ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และกลุ่มประเทศในแอฟริกา

โดยนักธุรกิจไทยที่จะไปกับคณะมีทั้งกลุ่มที่อยากไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ และกลุ่มที่จำเป็นจะต้องออกไปลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 2.อุตสาหกรรมเกษตรและเกษตรแปรรูป 3.อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 4. อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมหนัก และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสาธารณูปโภคพื้นฐาน

สำหรับการลงทุนของนักธุรกิจไทยในประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบด้วย การลงทุนในเมียนมาร์ ปี 2531-2556 มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 9,979.4 ล้านเหรียญสหรัฐ อาทิ ในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน เกษตรแปรรูป ส่วนการลงทุนในกัมพูชา ปี 2537-2556 มูลค่าประมาณ 867 ล้านเหรียญสหรัฐ อาทิ อุตสาหกรรมเสื้อผ้า รองเท้า โรงสีข้าว ขณะที่การลงทุนในลาว ปี 2543-2554 มูลค่าประมาณ 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐ และการลงทุนในเวียดนาม ระหว่างปี 2531-2555 มีมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อาทิ เกษตรแปรรูป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ