นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มียอดขายที่สูงมาก ซึ่งเป็นผลจากการส่งมอบรถยนต์ที่ค้างจองจากโครงการรถยนต์คันแรก ประกอบกับกิจกรรมส่งเสริมการขายของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่เดือนพฤษภาคมมีสัญญาณชะลอตัว คาดแนวโน้มลดลงจนถึงปลายปี หลังจากปีก่อนโตแบบก้าวกระโดด
ทั้งนี้ โรงงานผลิตรถยนต์ใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จะเริ่มทำการผลิตได้ในไตรมาส 3/56 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นจาก 2.2 แสนคัน/ปี เป็น 3 แสนคัน/ปี ทั้งนี้จะมีการปรับสัดส่วนการผลิตเพื่อส่งออกกับการขายในประเทศจาก 45/55 เป็น 50/50
สำหรับยอดขายในปี 57 คาดว่าจะมีเกิน 1.2 ล้านคันขึ้นไป ส่วนในปี 58 จะเพิ่มขึ้นจากปี 57 เนื่องจากมีการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) และการใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ในปี 59 ที่จะคำนวณจากปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ที่จะเป็นตัวเร่งการซื้อรถยนต์ในปี 58
ด้านนายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้าฯ กล่าวว่า ปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหลังจากนี้ไป ได้แก่ 1.อัตราแลกเปลี่ยนที่มีผลต่อการส่งออก 2.ราคาน้ำมันที่มีผลต่อผู้บริโภค และ 3.พลังงานไฟฟ้าสำรองที่มีผลต่อการผลิต หากไม่เตรียมแผนรองรับอาจเกิดวิกฤตเหมือนที่ผ่านมา