(เพิ่มเติม) รัฐปรับเพิ่มเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 58 เป็น 2.2 ล้านลบ.-ก.ท่องเที่ยวฯยันทำได้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 17, 2013 18:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมเชิงปฎิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาทว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีเป้าหมายที่ให้มีความท้าทายยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้เคยมอบไว้เมื่อปีที่แล้ว คือตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว 2.2 ล้านล้านบาทในปี 2558 ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายืนยันว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าดังกล่าว

ส่วนภาพรวมการท่องเที่ยวในขณะนี้ถือว่าทำได้ดีมาก ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวเกินกว่าเป้าที่วางไว้ โดยประเด็นที่จะต้องแก้ไข คือ การให้ความสะดวกและเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

ส่วนในแง่การจะทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้มีการคุยกันหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องการอำนวยความสะดวกในเรื่องการเดินทางเข้าประเทศไทยให้มีความสะดวกและปลอดภัย รวมถึงการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว และภารกิจในด้านต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงกีฬา และการจัดกิจกรรมในเชิงประชุมสัมนาต่างๆ ในระดับบริหารด้านต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะทำให้เศรษฐกิจของไทยเดินหน้าไปอย่างดี

ด้านนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นเรื่องการทำปฎิทินอีเว้นท์ต่างๆ ของประเทศไทยทั้งหมด เช่น วัฒนธรรมประเพณี งานเทศกาลต่างๆ ก็จะจัดทำเป็นปฎิทินออกมา

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงการท่องเที่ยวที่ได้ตั้งเป้าไว้ 2 ล้านล้านบาท ว่ามีกิจกรรมหรือทิศทางใดบ้างในการดำเนินการ ซึ่งกระทรวงฯ ได้นำเสนอในหลายรูปแบบ ทั้งการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งมอบหมายให้ทูตไทยในแต่ละประเทศช่วยศึกษาแนวทางแต่ละประเทศว่ามีอะไรที่เป็นกิจกรรมใหญ่บ้าง และเราสามารถดึงมาจัดในประเทศไทยได้หรือไม่

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมมีนโยบายการดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ในปี 58 ใน 6 ยุทธศาสตร์ คือ 1.ยุทธศาสตร์ด้าน marketing การดำเนินงานตลาดต่างประเทศ รวม 4 โครงการ ดำเนินการได้ 3 โครงการตาม scale งบปกติ ประกอบด้วย โครงการ Quick Win โครงการ Marketing Build —up และ โครงการสร้างสรรค์กิจกรรม ขณะที่การดำเนินงานตลาดในประเทศ รวม 8 โครงการ ดำเนินการได้ 4 โครงการ คือโครงการหลงรักประเทศไทย โครงการเที่ยวเมืองไทย 5 ภาค ดำเนินการได้ 4 ภาค โครงการมหัศจรรย์วันธรรมดาน่าเที่ยว และโครงการเที่ยว 12 เดือนสุขใจให้พลังชีวิต

2.ยุทธศาสตร์ด้าน Tourism Attractions 3.ยุทธศาสตร์ด้าน Logistics 4.ยุทธศาสตร์ด้านความเชื่อมั่น เช่น การแก้ไขปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ การจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว การเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของตำรวจท่องเที่ยว 5. ยุทธศาสตร์ด้านการอำนวยความสะดวก การแก้ไขปัญหาและการให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ ในการจัดทำระบบช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ การจัดทำ E-Visa ในสถานทูต/สถานกงสุลไทย และจะดำเนินการได้ครอบคลุมสถานทูตฯ ทั่วโลกประมาณปี 2558

และ 6.ยุทธศาสตร์ด้านสินค้าและบริการ ที่มีผลการดำเนินงานการทบทวนหลักเกณฑ์การขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และการเข้มงวดกับสถานประกอบการ โดยการแก้ไขหลักเกณฑ์การขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และการแก้ไขปัญหาสถานประกอบการที่ไม่มีใบอนุญาตโรงแรม Service Apartment ให้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย

นายกิตติรัตน์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่คณะผู้บริหารจาก Fitch Rating มาเข้าพบว่ารัฐบาลได้ยืนยันไปแล้วว่ายังไม่มีแนวคิดที่จะอัดฉีดหรือกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยจะดำเนินการตามนโยบายและโครงการต่างๆ ของรัฐบาลตามที่ได้ประกาศไว้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตในระยะยาว และยกระดับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ

พร้อมกันนี้ นายกิตติรัตน์ ได้ขอบคุณคณะผู้บริหาร Fitch Rating ที่ปรับระดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยให้ดีขึ้นเมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ