ทั้งนี้ มองว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะกระเตื้องขึ้นมาอยู่ในช่วงที่ ธปท.ประมาณการไว้ ซึ่งจะประกาศตัวเลขในช่วงบ่ายวันนี้ โดยความเสี่ยงของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีความน่าเป็นห่วงเรื่องความผันผวนของตลาดเงินโลก ที่มีความอ่อนไหวต่อข้อมูลข่าวสารในระยะสั้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวของต้องระมัดระวังด้วยการป้องกันความเสี่ยงไว้
"มันก็เป็นบางช่วง บางช่วงก็จะค่อนไปทางต่ำ บางช่วงก็จะค่อนไปทางสูง แต่เฉลี่ยปีนี้ก็จะอยู่ในช่วงที่ ธปท.ประมาณการ แม้ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 จะชะลอลง แต่ถ้าไตรมาส 3 ไตรมาส 4 กระเตื้องก็น่าจะอยู่ในช่วงตัวเลขที่เราคาดการณ์ไว้"นายประสาร ตอบคำถามว่าหากเศรษฐกิจในปีนี้เติบโตต่ำกว่า 5.1% ตามที่เคยประมาณการไว้ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้หรือไม่
นายประสาร กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมาจากสาเหตุสำคัญคือระดับการจ้างงานยังดี รายได้ของประชาชนยังดีไม่มีปัญหา การส่งออกมีสัญญาณดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและญี่ปุ่น ส่วนการลงทุนภาคเอกชนนั้น ขณะนี้ยังมีความจำเป็นต้องปรับปรุงกำลังการผลิตและขยายการลงทุนในระยะต่อไป จากที่ชะลอลงในช่วงไตรมาส 1/56 ตามการส่งออกที่ชะลอลงก่อนหน้านี้ ดังนั้น หากการส่งออกฟื้นก็น่าจะกลับมามีการลงทุนได้อีก
ส่วนนโยบายการเงินนั้น ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับผ่อนคลายเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สินเชื่อยังขยายตัวสูง แม้ล่าสุดจะเริ่มชะลอลงบ้าง ด้านนโยบายการคลัง งบประมาณปี 56-57 ยังจัดทำงบประมาณขาดดุล ประกอบกับภาครัฐจะมีการลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะมีความล่าช้า แต่ก็ถือว่าจะมีการลงทุนขนาดใหญ่จากภาครัฐ จึงคิดว่าจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไตรมาส 3-4 อาจฟื้นสู่ระดับปกติได้
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม คือ หนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง กระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชนให้ตึงตัวขึ้นบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งสถาบันการเงินยังคงดูแลและให้ความสำคัญด้วยการติดตามอย่างใกล้ชิด
ขณะที่เงินทุนไหลออกในระยะนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง และดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัดก็ไม่มีปัญหา เงินที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตร เวลาไหลออกก็ออกจากตลาดพันธบัตร ยืนยันว่าไม่น่าเป็นห่วง
นายประสาร กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจจีนว่า การชะลอตัวย่อมมีผลต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค แต่ถือว่าเป็นการชะลอลงที่มีคุณภาพ เพื่อดูแลไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป โดยรักษาอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไว้ที่ประมาณ 7.5% เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจจีนที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนและเป็นผลดีต่อภูมิภาคมากกว่าที่จะปล่อยให้เศรษฐกิจจีนเติบโตในระดับสูงเพียงระยะสั้นๆ