"ขอดูตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ก่อนจะปรับตัวเลขส่งออก ภาคส่งออกมีสัดส่วน 70% ของ GDP ตัวที่ทดแทนตัวการบริโภคในประเทศ" นายอาคม กล่าว
ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังไทยต้องเร่งการส่งออกในเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งให้ความสำคัญธุรกิจบริเวณตามชายแดนที่ตอนนี้คึกคัก และให้ความสำคัญ ที่สามารถช่วยภาคการส่งออก และการลงทุนภาครัฐทั้งในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท เพื่อเป็นการผลักดันและกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง ถึงแม้ต้องใช้เวลาและรอกฎหมายผ่านสภา แต่โครงการเหล่านี้ต้องเกิด
นายอาคม กล่าวว่า ปีนี้อาจต้องพึ่งการบริโภคในประเทศ โดยครึ่งปีหลัง สินค้าเกษตรออกสู่ตลาด โดยสินค้าข้าว จะออกสู่ตลาดในต.ค.-พ.ย. หรือไตรมาส4 กับโครงการรับจำนำข้าว ก็จะมีกระแสเงินรายได้เข้าสู่ระบบ แต่ก็ทำได้จำกัดเพราะมีสต๊อกข้าวล้นซึ่งต้องใช้เวลาระบาย 2-3 ปี นอกจากนี้การจัดโซนนิ่งปลูกพืชเกษตร เช่น อ้อย มันสำปะหลังไปแปรรูปเป็นแป้งมันที่ราคายังดีอยู่ เร่งผลักดันหลังสต๊อกข้าวของรัฐบาลมีมาก รวมไปถึง ราคาในตลาดโลก อาจจะไม่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้ พร้อมมองว่า หากมีการระบายข้าวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ก็จะช่วยผลักดันการส่งออกได้พอสมควร
นอกจากนี้รัฐบาลจะส่งเสริมให้ประชาชนติดตั้ง SolarRoof ตามบ้าน อาคารพาณิชย์ โดยจะลดภาษีนำเข้าอุปกรณ์นำเข้า