อย่างไรก็ตาม นายกิตติรัตน์ ระบุว่าได้ให้ความมั่นใจกับญี่ปุ่นว่าโครงการดังกล่าวยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ตลอดจนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทเช่นกันที่รัฐบาลกำลังเดินหน้า โดยเชื่อว่าจะมีความคืบหน้าจากร่าง พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในเร็ว ๆ นี้
"มีคำถามที่เขากังวลเกี่ยวกับระบบป้องกันอุทกภัย ซึ่งเราได้ชี้แจงว่าต้องรอฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน...ผมไม่เชื่อว่าเขา(ญี่ปุ่น)จะย้ายฐานไปไหน แต่ผมเชื่อว่าถ้าไม่ดำเนินการในส่วนนี้ การขยายหรือนักลงทุนรายใหม่อาจจะชะลอ แต่มั่นใจว่าเราจะเดินตามที่เราตั้งใจไว้"นายกิตติรัตน์ กล่าว
ในระหว่างการหารือทางตัวแทน JETRO ได้ขอให้รัฐบาลช่วยปรับปรุงระเบียบพิธีการทางภาษีศุลกากรทั้งขาเข้า-ขาออกให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น โดยนายกิตติรัตน์ เชื่อว่าเรื่องนี้จะมีการดำเนินการปรับปรุงที่คืบหน้าไปด้วยดี เนื่องจากกระทรวงการคลังได้ รมช.คนใหม่ คือ นางเบญจา หลุยเจริญ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำหน้าที่บริหารกรมศุลกากรมาก่อน และน่าจะมีความเข้าใจในปัญหาต่างๆ ของระบบศุลกากรได้เป็นอย่างดี
รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวด้วยว่า JETRO ยังต้องการเห็นบรรยาการทางการเมืองของไทยที่มีเสถียรภาพ พร้อมกับมองว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกอาจยังเติบโตไม่ดีเท่าในปีที่ผ่านมา แต่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะฟื้นตัวดีขึ้นได้ หลังจากที่ประเทศไทยต้องประสบปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในช่วงสิ้นเดือนก.ค.นี้ JETRO แจ้งว่าจะนำส่งข้อมูลผลการสำรวจความคิดเห็นจากนักธุรกิจญี่ปุ่นที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยให้แก่รัฐบาลด้วย