"ตั้งแต่ปี 50 เป็นต้นมา อิหร่านไม่ได้สั่งซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยเลย ส่วนใหญ่จะซื้อข้าวจากอินเดีย แต่การเจรจาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีในครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกว่ารัฐบาลอิหร่านจะกลับมาซื้อข้าวจากไทยเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน อิหร่านยังจะร่วมประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้ประชาชนภายในประเทศหันมาบริโภคข้าวไทยแทนข้าวบาสมาติด้วย" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
ในการเจรจาซื้อขายข้าวกับอิหร่านในครั้งนี้ ยอมรับว่า ข่าวเรื่องข้าวไทยเน่าเสียและมีสารพิษตกค้างได้สร้างความเสียหายในการเจรจาเป็นอย่างมาก เพราะอิหร่านได้หยิบยกขึ้นมาใช้เป็นข้อต่อรองในการเจรจาซื้อข้าวไทย ซึ่งฝ่ายไทยได้ยืนยันไปว่าข้าวไทยมีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก และพร้อมที่จะให้อิหร่านเข้ามาตรวจสอบในทุกขั้นตอนก่อนที่จะส่งออกข้าว ดังนั้นจึงขอความกรุณาอย่านำเรื่องนี้ไปทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะมีผลกระทบเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า กระทรวงฯ มีแผนที่จะเดินทางไปเจรจาซื้อขายข้าวจีทูจีกับประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยมีกำหนดที่จะเดินทางไปจีน, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าอินโดนีเซียปฏิเสธที่จะให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ ที่เดินทางเจรจาขายข้าวเข้าพบนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และคาดว่าจะมีข่าวดีในการเจรจาซื้อขายข้าวเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ดี สำหรับเป้าหมายการส่งออกข้าวของไทยในปีนี้ ยังคงยืนยันที่ 8.5 ล้านตันเช่นเดิม