ก.เกษตรฯ ลั่นไม่ขายยางในสต็อค แต่เน้นบริหาร-ใช้สร้างถนน-เขื่อนพัฒนาปท.

พร้อมกันนั้น รัฐจะร่วมมือกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมผลิตยางล้อภายในประเทศเพื่อนำยางในสต็อคใช้เป็นวัตถุดิบ และ รัฐจะร่วมมือกับเอกชนนำยางในสต็อคไปใช้ทำเขื่อนกักเก็บน้ำให้เพียงพอกับการทำการเกษตรของเกษตรกรในฤดูแล้ง รวมทั้ง เร่งสนับสนุนการทำผลิตภัณฑ์ยางพาราทดแทนผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ทำลายสิ่งแวดล้อม

และ 5.รัฐบาลจะไม่ขายยางออกสู่ตลาดโลก ถ้าราคายางไม่ปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่เกษตรกรสวนยางขายยางแล้วมีกำไรคุ้มค่าการลงทุน และจะนำยางที่กรีดเก็บผลผลิตในฤดูกาลผลิตใหม่ปี 57 ไปเก็บไว้ในสต็อค และจะระบายยางใสต็อคเดิมระบายออกสู่ตลาดในปริมาณที่เท่ากัน (เก็บยางใหม่ได้ปริมาณเท่าไหร่ ก็ระบายยางเก่าในสต็อคในจำนวนที่เท่ากัน) ซึ่งวิธีนี้เรียกว่าการบริหารสต็อคแบบหมุนเวียน

นอกจากนี้ ยังมีแผนนำยางในสต็อคของโครงการฯ จัดตั้งเป็นกองทุนสร้างเสถียรภาพราคายางผ่านกลไกการทำงานของตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) โดยความร่วมมือระหว่าง บริษัทยางขนาดใหญ่ของไทย 5 อันดับแรก กับ องค์ยางสวนยาง และ สถาบันเกษตรกร เพื่อลดภาระการคลังของภาครัฐในการแทรกแซงราคายางพาราในสภาวะราคายางตกต่ำและเพื่อใช้กลไกตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยยกระดับราคาและทำให้เกษตรกรสวนยางขายยางได้ในราคาที่เป็นธรรม

ล่าสุด (29 ก.ค.) ราคายางแผ่นดิบ ณ ตลาดกลางยางพาราสงขลา อยู่ที่ 68.55 บาท/กิโลกรัม (กก.) ตลาดกลางสุราษฎร์ธานี อยู่ที่ 69.39 บาท/กก. นครศรีธรรมราช 69.27 บาท/กก. ยะลา 67.42 บาท/กก.

ขณะที่ บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีกลุ่มผู้ชุมนุมเกษตรกรราว 200-300 คน มาปักหลักตั้งเต้นท์ พร้อมเครื่องขยายเสียง