ทั้งนี้ เป็นการแก้ไขปรับปรุงจากร่าง พ.ร.บ.ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว จากเดิมที่ได้แยกการ ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับการปรับปรุงบัญชีอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาเป็นอีกฉบับ มาเป็น รวมการปรับปรุงบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการปรับปรุงบัญชีอัตราภาษีเงินได้สำหรับคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลและห้างหุ้น ส่วนสามัญนิติบุคคลเป็นฉบับเดียวกัน
นางเบญจา หลุยเจริญ รมช.คลัง กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อส่งเสริมความเป็นธรรม และ ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจต่อรัฐสภา โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
1.ปรับปรุงขั้นและอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 5 ขั้น เป็น 7 ขั้น และลดอัตราสูงสุดจาก ร้อยละ 37 เป็นร้อย ละ 35 เพื่อกระจายภาระภาษีให้เท่าเทียมกันมากขึ้นดังนี้
เงินได้สุทธิตั้งแต่ อัตราภาษี (บาท) (ร้อยละ) ข้อเสนอ เดิม 0 — 300,000 5 0 — 100,000 ใช้อัตราร้อยละ 5 100,001 — 300,000 ใช้อัตราร้อยละ 10 300,001 — 500,000 10 10 500,001 — 750,000 15 20 750,001 — 1,000,000 20 20 1,000,001 — 2,000,000 25 30 2,000,001 — 4,000,000 30 30 4,000,001 ขึ้นไป 35 37 ทั้งนี้ สำหรับเงินได้สุทธิตั้งแต่ 0-300,000 บาท ซึ่งกำหนดอัตราภาษีไว้ร้อยละ 5 กระทรวงการคลังจะตราพระราช กฤษฎีกายกเว้นภาษีสำหรับเงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรกต่อไป โดยการปรับปรุงขั้นและอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะใช้บังคับ สำหรับเงินได้ประจำปีภาษี 2556 เป็นต้นไป 2.ปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราภาษีเงินได้ของห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลดังนี้ กำหนดคำนิยาม ของ “คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล” ให้หมายความว่า บุคคลตั้งแต่สองคน ขึ้นไปตกลงกระทำการที่มีเงินได้พึงประเมินร่วมกันอันมิใช่เป็น ห้างหุ้นส่วนสามัญ กำหนดให้ห้างหุ้นส่วนสามัญเสียภาษีจากเงินได้สุทธิในอัตราร้อยละ 20 โดยให้หักค่าใช้จ่าย ตามความจำเป็นและ สมควรเท่านั้น กำหนดให้คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลเสียภาษีจากเงินได้พึงประเมินในอัตราร้อยละ 20 โดยไม่ให้หักค่าใช้จ่ายและค่าลด หย่อน กำหนดให้ห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลสามารถเลือกเสียภาษีสำหรับเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก หรือที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หาหรือที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไรแยกต่างหากจากเงินได้อื่น โดยให้คำนวณภาษีตาม อัตราภาษีก้าวหน้าสำหรับบุคคลธรรมดา แล้วไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีปลายปีอีก ทั้งนี้ การปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราภาษีเงินได้ของห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มิใช่ นิติบุคคลนี้จะใช้บังคับกับ เงินได้ประจำปีภาษีถัดจากปีภาษีที่กฎหมายมีผลใช้บังคับต่อไป "การปรับปรุงบัญชีอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาเป็นการบรรเทาภาระภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี รวมทั้งทำให้ระบบ ภาษี มีความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนั้น การปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราภาษี เงินได้ของห้างหุ้นส่วน สามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลเป็นการป้องกันการใช้ช่องว่างของกฎหมายในการกระจายฐานภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดา" รมช.คลัง กล่าว ด้านนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า มาตรการนี้มีผลกระทบต่อรายได้ภาษีอากรประมาณ 25,000 ล้าน บาท แต่จะทำให้รายได้สุทธิของผู้เสียภาษีเพิ่มขึ้น อันจะช่วยกระตุ้นการบริโภค ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและฐานภาษีในระยะยาว รวม ทั้งทำให้อัตราภาษีของไทยเป็นที่จูงใจและแข่งขันกับต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น รองรับการเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน