"กิตติรัตน์"เชื่อร่างพ.ร.บ. 2 ล้านลบ.ผ่านสภาฯช่วยขับเคลื่อนศก.ทดแทนส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 30, 2013 18:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวในงานสัมมนา "Moving Forward 2 ล้านล้าน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทัดเทียมโลก"ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยต้องการการลงทุนเพื่อมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง เนื่องจากการส่งออกไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เหมือนในอดีต โดยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก

ดังนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องมีการลงทุนเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโต ซึ่งหากการลงทุนเกิดความล่าช้าก็จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจให้ไม่เป็นไปตามเป้า แต่จะไม่กระทบกับระดับหนี้สาธารณะ ซึ่งขณะนี้การกู้เงินยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า มั่นใจว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบ และสามารถดำเนินการได้ตาม กรอบการลงทุนระยะเวลา 7 ปี ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2563 ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เดินหน้าทำความเข้าใจกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไปพอสมควรแล้ว โดยนักลงทุนอยากให้รัฐบาลใส่ใจพร้อมกับระมัดระวังความคุ้มค่าในการลงทุน และมีระบบป้องกันการทุจริตที่อาจจะมีความเสี่ยงในกระบวนการต่างๆ

ขณะนี้หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำกว่า 4% จนอาจส่งผลต่อความสามรถในการชำระหนี้จากการกู้เงิน โดยยืนยันว่า ในการลงทุนจะเป็นการทยอยลงทุนรายโครงการ ซึ่งจะเบิกจ่ายเงินตามความพร้อมของแต่ละโครงการ อีกทั้งสภาพคล่องในปัจจุบัน ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดูแลให้พร้อมและเพียงพอกับการลงทุน ทั้งการระดมทุนในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงยืนยันว่ารัฐบาลจะรักษาวินัยทางการคลัง ไม่เกิน 50% จากกรอบที่ตั้งไว้ที่ 60%

ด้านนายชัชชาติ สิทธิผล รมว.คมนาคม กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยขาดการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานมานาน โดยในปี 2555-2556 ไทยมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอยู่ในอันดับที่ 49 ของโลก ขณะที่สิงคปโปร์มีการพัฒนาอยู่ในอันดับ 2 ของโลก ซึ่งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ดีขึ้น เพราะจะมีผลต่อการแข่งขันของประเทศ ดังนั้นไทยจำเป็นที่ไทยจะต้องเร่งพัฒนาระบบขนส่งให้ทัดเทียมกับประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงระบบขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้านและจีน การพัฒนาการท่องเที่ยว และการพัฒนาสังคมเมือง รวมไปถึงการอุปโภคบริโภคในประเทศให้ขยายตัวขึ้น

สำหรับการใช้งบประมาณในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาทนั้น จะเป็นการทยอยลงทุน ตามกรอบพ.ร.บ.การกู้เงิน โดยในปีนี้จะใช้งบ 203 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ 2557 จะใช้งบประมาณ 150,000 ล้านบาท ปี 2558 ใช้งบประมาณ 292,963 ล้านบาท

"การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท หากมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม มองว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต โดยจะเปิดโอกาสให้ธุรกิจภายในประเทศมีการเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ และจะทำให้เกิดการกระจายความเจริญจากเมืองออกไปสู่ต่างจังหวัดและเมืองชายแดน ทำให้การอุปโภค บริโภคภายในประเทศดีขึ้น อีกทั้งจะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยกับอาเซียน ในแง่ของตลาดแหล่งทรัพยากรพลังงานอีกด้วย" นายชัชชาติ กล่าว

ด้านนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างยิ่ง ในโครงการการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย เพราะจะทำให้เกิดการกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาค เกิดการกระจายรายได้ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนเมืองและคนที่อยู่ต่างจังหวัด ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น แต่ยอมรับว่ายังมีความกังวลในเรื่องของความต่อเนื่องในการดำเนินโครงการ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลดำเนินโครงการให้มีความต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ