ซึ่งธุรกรรมการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์(Securitization) นับเป็นกลไกเชื่อมโยงสำคัญเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับมหภาค และสร้างประโยชน์แก่ภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคสถาบันการเงิน อสังหาริมทรัพย์ ตลาดทุน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน ดังนั้นจึงควรเร่งให้ความรู้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันกำหนดพันธกิจในการส่งเสริมการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยให้ขยายตัวในวงกว้างอย่างมีทิศทางที่เหมาะสมต่อไป
"ควรร่วมกันศึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อกำหนดแนวางการพัฒนาธุรกรรม การจัดหาแหล่งเงินทุน และการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ระหว่างตลาดรองในกลุ่มประเทศเอเชียร่วมกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเป็นเอกภาพให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล ตลอดจนเพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ AEC" รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าว
ด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า ปัจจุบันสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินในภูมิภาคอาเซียนได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างมาก ประกอบกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนและที่อยู่อาศัยมายังแถบอาเซียนและประเทศไทยมากขึ้น ทั้งนโยบายภาครัฐ เช่น โครงการซอฟท์โลน, โครงการบ้านหลังแรก และโครงการขนส่งมวลชนที่ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์มีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการระดมทุนจากตลาดทุนสู่ตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย
โดย บตท.จะซื้อกองลูกหนี้สินเชื่อที่ดี สินทรัพย์มีคุณภาพ เพื่อนำมาดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ทั้งนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงินในการขยายพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กว้างขวางขึ้น และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน โดยการออกตราสารใช้หลักการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มประเภทของตราสารทางการเงินใหม่ เช่น Asset Backed Securities(ABS), Mortgage Backed Securities(MBS) และเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนในตลาดทุนต่อไป