นายสิริวุทธิ์ กล่าวว่า ศักยภาพการผลิตของโรงงานน้ำตาลทรายปัจจุบัน สามารถรองรับอ้อยได้ประมาณ 130 ล้านตัน อีกทั้งมีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่ทุกปี ในขณะที่ผลผลิตอ้อยเข้าหีบมีประมาณ 100 ล้านตัน จากพื้นที่ปลูกอ้อยประมาณ 10 ล้านไร่ ดังนั้น การที่จะมีพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นจากนโยบายจัดโซนนิ่งจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับเกษตรกรและโรงงานน้ำตาล ซึ่งสามารถรับผลผลิตที่เพิ่มขึ้นได้แน่นอน
“การจัดตั้งคณะทำงานของ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ก็เพื่อจะให้ความมั่นใจกับเกษตรกรที่อยู่ในเขตส่งเสริมการปลูกอ้อยเพื่อสร้างรายได้ใหม่ แต่ไม่มีประสบการณ์ ว่าจะไม่โดดเดี่ยวแน่นอน ภาครัฐก็คงมีมาตรการสนับสนุนช่วยเหลืออยู่แล้ว ทางด้านของโรงงานน้ำตาลทรายเองก็พร้อมจะให้องค์ความรู้ต่างๆ ซึ่งสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรที่หันมาปลูกอ้อยว่าจะมีความมั่นคงทางด้านรายได้ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างมั่นคง" นายสิริวุทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรในพื้นที่ที่ปลูกพืชชนิดเดิมอยู่ จะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชที่แนะนำหรือไม่ โดยภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องจะให้ข้อมูลแก่เกษตรกรเพื่อประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้แนวทางสำหรับพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกอ้อยมากที่สุดไว้ด้วยว่า จะอยู่ในรัศมีไม่เกิน 50 กิโลเมตรจากโรงงานน้ำตาล และรองลงมาก็คือระยะ 50-100 กิโลเมตรจากโรงงานน้ำตาล ส่วนระยะที่ไกลกว่า 100 กิโลเมตร จะไม่ประกาศให้เป็นเขตส่งเสริมการเพาะปลูกอ้อย