"เราคงจะต้องหาแนวทางว่ากรณีเกิดปัญหาเช่นนี้แล้วควรจะจัดการอย่างไร ต้องดูว่าหากหน้าที่นี้ไม่ใช่ของเราจะทำอย่างไร เพราะเท่าที่ทราบทางผู้ผลิตและค้าน้ำมันเองก็มีการร่วมซ้อมแผนรับมือฉุกเฉินกันอยู่ จึงคิดว่าเท่านี้คงไม่พอกระทรวงพลังงานจะต้องลงไปกำกับดูแลให้มากกว่านี้" รมว.พลังงาน กล่าว
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้ามีรายงานว่า ที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด น้ำทะเลเริ่มสะอาดขึ้น แต่ยังมีคราบน้ำมันที่ติดอยู่ตามซอกหิน หลังจากเมื่อคืนวานเจ้าหน้าที่ได้ดูดซับคราบน้ำมันไปส่วนหนึ่งแล้ว และคาดว่าวันนี้จะสามารถดูดซับคราบน้ำมันดังกล่าวได้หมด หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของการฟื้นฟูชายหาดให้มีสภาพปกติตามเดิม ซึ่งอาจจะต้องนำเอาจุลินทรีย์เข้าไปกัดกินคราบน้ำมัน ส่วนฟิล์มน้ำมันที่ยังลอยอยู่ในทะเลนั้นหากถูกความร้อนจะสามารถระเหยไปหมดได้ และจะไม่เกิดผลกระทบมากต่อชายหาด
สำหรับกรณีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก PTTGC นั้น รมว.พลังงาน ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องไปฟ้องศาลปกครอง เพราะ PTTGC รับปากที่จะจ่ายชดเชยค่าเสียหายทั้งหมด โดยขณะนี้ผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถไปยื่นเรื่องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระยองได้ ซึ่งจะมีการประเมินในส่วนผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ชาวประมง และผู้ได้รับผลกระทบทางอ้อมด้วย
ส่วนการฟื้นฟูภูมิทัศน์รอบชายหาดอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีถึงจะกลับมาเหมือนเดิมได้ แต่ PTTGC ก็พร้อมจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลทั้งหมด ดังนั้นจึงมองว่าไม่จำเป็นต้องไปฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพราะ PTTGC ได้เริ่มเข้าไปเจรจากับผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมแล้ว
รมว.พลังงาน กล่าวว่า จะต้องเร่งรัดฟื้นฟูพื้นที่ชายหาดและในทะเลเป็นอันดับแรก โดยคาดว่าจะเร่งรัดให้เสร็จภายใน 2-3 สัปดาห์ ส่วนการประเมินความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมนั้น ทางกระทรวงฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมาร่วมอยู่ด้วย โดยจะเริ่มประชุมตั้งแต่วันพรุ่งนี้(1 ส.ค.)เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะมีคุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เข้ามาร่วมเป็นผู้ตรวจสอบและประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย