รวมทั้ง กองพิสูจน์หลักฐานยังได้เข้าไปตรวจสอบท่อรับน้ำมันดิบที่เสียหายด้วย หากพบว่าท่อเสียหายจากภายนอก ก็มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ แต่หากเสียหายจากด้านในท่อ น่าจะมาจากอุปกรณ์ที่ชำรุดหรืออุบัติเหตุ ซึ่งท่อส่งน้ำมันที่รั่วนี้เป็นท่อยางที่เสริมความแข็งแรงด้วยเส้นใยเหล็กและขดลวดเหล็กหุ้มภายนอกด้วยโฟมเพื่อให้ลอยน้ำ โดยในการตรวจสอบครั้งนี้จะเชิญผู้ผลิตท่อส่งน้ำมัน เข้าร่วมตรวจสอบด้วย
พร้อมทั้ง ยืนยันว่าน้ำมันที่รั่วไหลไม่น่าจะมีปริมาณเกิน 50,000 ลิตร เนื่องจากท่อวาล์วได้ปิดลงอัตโนมัติทันที ทำให้มีปริมาณค้างท่อจำนวน 35,000 ลิตรไหลลงสู่ทะเล ซึ่งคำนวนจากขนาดท่อที่มีความกว้าง 16 นิ้ว ยาว 270 เมตร และมีน้ำมันไหลเพิ่มเติมอีก 10,000 ลิตรจากแรงดันภายในท่อ ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าน่าจะมีน้ำมันมากกว่านี้ เนื่องจากคำนวณจากสารเคมีสลายคราบน้ำมันที่ใช้ไปกว่า 33,000 ลิตร ซึ่งสามารถสลายคราบน้ำมันได้กว่า 180,000 ลิตร แต่ในความเป็นจริงสาเหตุที่ต้องใช้สารเคมีจำนวนมากเพราะทะเลมีคลื่นลมแรงคราบน้ำมันกระจายตัวเป็นวงกว้าง รวมทั้งการใช้เครื่องบินมาโปรยสารเคมีทำให้ต้องใช้ปริมาณมากกว่าปกติ
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์นี้กลุ่ม ปตท.ยังคงส่งเจ้าหน้าที่และนักเรียนวิทยาลัยพลังงาน รุ่นที่1-3 ลงพื้นที่สอบถามเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยยืนยันว่าในส่วนของการประเมินความเสียหายเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือจะต้องมีคนกลางเข้ามาช่วยประเมิน ไม่ได้ให้ทางพีทีทีจีซีเป็นผู้ประเมินแน่นอน
และในสัปดาห์นี้ PTTGC จะหารือร่วมกับกลุ่มชาวบ้านอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลกลางทะเล เพื่อประเมินค่าเสียที่เกิดขึ้น โดยจะประเมินตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งให้คณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเป็นประธานเข้ามาเป็นคนกลางประสานระหว่าง PTTGC กับกลุ่มชาวบ้าน เพื่อพิจารณาค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม และให้ PTTGC จ่ายเงินเยียวยาค่าเสียในทันที โดยไม่ต้องรอเงินจากบริษัทประกัน
สำหรับกลุ่มที่จะได้รับเงินเยียวยาเป็นกลุ่มแรก คือ กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมในเกาะเสม็ดที่ได้รับความเสียหายโดยตรง และคำนวนค่าเสียได้ง่ายที่สุด ส่วนกลุ่มชาวประมงและผู้ได้รับผลกระทบทางอ้อมอื่นๆ จะต้องยื่นเรื่องให้คณะกรรมการเยียวยาพิจารณาค่าเสียต่อไป ส่วนหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามาช่วยปฎิบัติภาระกิจขจัดคราบน้ำมันในครั้งนี้ เช่น กองทัพเรือที่เข้ามาช่วยขจัดคราบน้ำมัน รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมเจ้าท่า หน่วยงานควบคุมมลพิษ เป็นต้น PTTGC จะต้องเข้าไปชำระเงินค่าดำเนินการและค่าเบี้ยเลี้ยงที่เกิดขึ้นทันที